เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [1. สฬายตนสังยุต]
4. จตุตถปัณณาสก์ 4. อาสีวิสวรรค 6. อวัสสุตปริยายสูตร

นายนันทโคบาลได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค ท่าน
พระนันทะอุปสมบทได้ไม่นานก็หลีกออกไปอยู่คนเดียว ฯลฯ อนึ่ง ท่านพระนันทะ
ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย

ปฐมทารุกขันโธปมสูตรที่ 4 จบ

5. ทุติยทารุกขันโธปมสูตร
ว่าด้วยอุปมาด้วยขอนไม้ สูตรที่ 2

[242] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคา เขตเมือง
กิมมิละ ได้ทอดพระเนตรเห็นขอนไม้ใหญ่ลอยมาตามกระแสแม่น้ำคงคา จึงรับสั่ง
เรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสถามว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเห็นขอนไม้ใหญ่โน้น
ที่ลอยมาตามกระแสแม่น้ำคงคาหรือไม่”
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “เห็น พระพุทธเจ้าข้า” ฯลฯ
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระกิมมิละได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค
ดังนี้ว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรชื่อว่าฝั่งนี้ ฯลฯ
“กิมมิละ ความเน่าภายใน เป็นอย่างไร
คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ต้องอาบัติที่เศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว การออก
จากอาบัติเช่นนั้นยังไม่ปรากฏ
นี้เรียกว่า ความเน่าภายใน”

ทุติยทารุกขันโธปมสูตรที่ 5 จบ

6. อวัสสุตปริยายสูตร
ว่าด้วยอวัสสุตบรรยาย

[243] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่นิโครธาราม เขตกรุงกบิลพัสดุ์
แคว้นสักกะ สมัยนั้น เจ้าศากยะทั้งหลายผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์รับสั่งให้สร้าง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 18 หน้า :245 }


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [1. สฬายตนสังยุต]
4. จตุตถปัณณาสก์ 4. อาสีวิสวรรค 6. อวัสสุตปริยายสูตร

ท้องพระโรงขึ้นใหม่เสร็จได้ไม่นาน ยังไม่มีสมณะ พราหมณ์ หรือมนุษย์คนใดคน
หนึ่งเข้าไปอยู่อาศัย ครั้งนั้น เจ้าศากยะทั้งหลายผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์ เสด็จเข้าไป
เฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่สมควร ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานวโรกาส ข้าพระองค์ทั้งหลาย คือ เจ้า
ศากยะทั้งหลายผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์รับสั่งให้สร้างท้องพระโรงขึ้นใหม่ เสร็จได้
ไม่นาน ยังไม่มีสมณะ พราหมณ์ หรือมนุษย์คนใดคนหนึ่งเข้าไปอยู่อาศัย ขอ
พระผู้มีพระภาคโปรดใช้สอยท้องพระโรงนั้นก่อนเถิด พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ทรง
ใช้สอยท้องพระโรงก่อนแล้ว เจ้าศากยราชทั้งหลายผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์จักใช้สอย
ในภายหลัง การใช้สอยของพระองค์นั้นพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลเพื่อความสุข
แก่เจ้าศากยะทั้งหลายผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์สิ้นกาลนาน”
พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์โดยดุษณีภาพ
ลำดับนั้น เจ้าศากยะทั้งหลายผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์ทรงทราบว่าพระผู้มีพระภาค
ทรงรับนิมนต์แล้ว จึงเสด็จลุกขึ้นจากที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค
กระทำประทักษิณแล้วเสด็จเข้าไปยังท้องพระโรงใหม่ รับสั่งให้ปูลาดท้องพระโรง ซึ่ง
เจ้าพนักงานได้ปูลาดด้วยเครื่องลาดทั้งปวงแล้ว ให้ปูลาดอาสนะทั้งหลาย ให้ตั้ง
โอ่งน้ำไว้ ให้จุดประทีปน้ำมันขึ้นแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท้องพระโรงได้ปูลาดด้วยเครื่องลาดทั้งปวงแล้ว
อาสนะปูลาดแล้ว ตั้งโอ่งน้ำประจำไว้ และจุดประทีปน้ำมันไว้แล้ว ขอพระองค์ทรง
ทราบกาลอันสมควรในบัดนี้เถิด พระพุทธเจ้าข้า”
ต่อมา พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกแล้ว ถือบาตรและจีวร เสด็จ
เข้าไปยังท้องพระโรงใหม่พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ทรงล้างพระบาทแล้วเสด็จเข้าไป
ประทับนั่งพิงเสากลาง ทรงผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ฝ่ายพระสงฆ์ล้าง
เท้าแล้วก็เข้าไปยังท้องพระโรงแล้วนั่งพิงฝาด้านทิศตะวันตก หันหน้าไปทางทิศ
ตะวันออก ให้พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ด้านหน้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 18 หน้า :246 }