เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [1. สฬายตนสังยุต]
4. จตุตถปัณณาสก์ 3. สมุททวรรค 1. ปฐมสมุททสูตร

3. สมุททวรรค
หมวดว่าด้วยสมุทร
1. ปฐมสมุททสูตร
ว่าด้วยสมุทร สูตรที่ 1

[228] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชน1 ผู้ไม่ได้สดับ2 ย่อม
กล่าวว่า ‘สมุทร สมุทร’ นั่นไม่ใช่สมุทรในอริยวินัย นั่นเป็นแอ่งน้ำใหญ่ เป็นห้วงน้ำ
ใหญ่
ภิกษุทั้งหลาย จักขุเป็นสมุทร3ของบุรุษ กำลังของจักขุนั้นเกิดจากรูป บุรุษใด
อดกลั้นกำลังอันเกิดจากรูปนั้นได้ บุรุษนี้ได้ข้ามสมุทรคือจักขุ ซึ่งมีทั้งคลื่น4 วังวน5
สัตว์ร้าย6 และผีเสื้อน้ำ7เราเรียกว่า ‘บุคคลผู้ลอยบาปข้ามถึงฝั่ง8ดำรงอยู่บนบก’ ฯลฯ
ชิวหาเป็นสมุทรของบุรุษ กำลังของชิวหานั้นเกิดจากรส บุรุษใดอดกลั้นกำลัง
อันเกิดจากรสนั้นได้ บุรุษนี้ได้ข้ามสมุทรคือชิวหา ซึ่งมีทั้งคลื่น วังวน สัตว์ร้าย
และผีเสื้อน้ำ เราเรียกว่า ‘บุคคลผู้ลอยบาปข้ามถึงฝั่งดำรงอยู่บนบก’ ฯลฯ
มโนเป็นสมุทรของบุรุษ กำลังของมโนนั้นเกิดจากธรรมารมณ์ บุรุษใดอดกลั้น
กำลังอันเกิดจากธรรมารมณ์นั้นได้ บุรุษนี้ได้ข้ามสมุทรคือมโนซึ่งมีทั้งคลื่น วังวน
สัตว์ร้าย และผีเสื้อน้ำ เราเรียกว่า ‘บุคคลผู้ลอยบาปข้ามถึงฝั่งดำรงอยู่บนบก’


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [1. สฬายตนสังยุต]
4. จตุตถปัณณาสก์ 3. สมุททวรรค 2. ทุติยสมุททสูตร

พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดาได้ตรัสเวยยากรณภาษิตนี้แล้วจึงได้ตรัสคาถา-
ประพันธ์ต่อไปอีกว่า
“บุรุษใดข้ามสมุทรนี้ซึ่งมีทั้งคลื่น สัตว์ร้าย
และผีเสื้อน้ำที่น่ากลัวข้ามได้ยากได้แล้ว
บุรุษนั้นเราเรียกว่า ‘เป็นผู้จบเวท
อยู่จบพรหมจรรย์ ถึงที่สุดแห่งโลก1 ถึงฝั่งแล้ว”

ปฐมสมุททสูตรที่ 1 จบ

2. ทุติยสมุททสูตร
ว่าด้วยสมุทร สูตรที่ 2

[229] “ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับย่อมกล่าวว่า ‘สมุทร สมุทร’
นั่นไม่ใช่สมุทรในอริยวินัย นั่นเป็นแอ่งน้ำใหญ่ เป็นห้วงน้ำใหญ่
ภิกษุทั้งหลาย รูปที่พึงรู้แจ้งทางตาที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก
ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่ นี้เรียกว่า ‘สมุทรในอริยวินัย’ โลกนี้ พร้อมทั้งเทวโลก
มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ในสมุทรนี้
โดยมากเป็นผู้เศร้าหมอง ยุ่งเหยิงประดุจด้ายของช่างหูก เป็นปมประหนึ่งกระจุกด้าย
เป็นประดุจหญ้าปล้องและหญ้ามุงกระต่าย ย่อมไม่พ้นจากอบาย ทุคติ วินิบาต2
และสงสารไปได้ ฯลฯ
รสที่พึงรู้แจ้งทางลิ้น...มีอยู่ ฯลฯ