เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [1. สฬายตนสังยุต]
4. จตุตถปัณณาสก์ 2. สัฏฐิเปยยาลวรรค 31-33. พาหิราตีตาทิทุกขสูตร

25-27. อัชฌัตตาตีตาทิอนัตตสูตร
ว่าด้วยอายตนะภายในที่เป็นอดีตเป็นต้นเป็นอนัตตา

[192-194] “ภิกษุทั้งหลาย จักขุที่เป็นอดีต ที่เป็นอนาคต ที่เป็นปัจจุบัน
เป็นอนัตตา ฯลฯ ชิวหา ... เป็นอนัตตา ฯลฯ มโนที่เป็นอดีต ที่เป็นอนาคต
ที่เป็นปัจจุบันเป็นอนัตตา ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ
รู้ชัดว่า ... ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”

อัชฌัตตาตีตาทิอนัตตสูตรที่ 25-27 จบ

28-30. พาหิราตีตาทิอนิจจสูตร
ว่าด้วยอายตนะภายนอกที่เป็นอดีตเป็นต้นไม่เที่ยง

[195-197] “ภิกษุทั้งหลาย รูปที่เป็นอดีต ที่เป็นอนาคต ที่เป็นปัจจุบัน
ไม่เที่ยง สัททะ ... คันธะ ... รส ... โผฏฐัพพะ ... ธรรมารมณ์ที่เป็นอดีต ที่
เป็นอนาคต ที่เป็นปัจจุบันไม่เที่ยง
ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ... ไม่มีกิจ
อื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”

พาหิราตีตาทิอนิจจสูตรที่ 28-30 จบ

31-33. พาหิราตีตาทิทุกขสูตร
ว่าด้วยอายตนะภายนอกที่เป็นอดีตเป็นต้นเป็นทุกข์

[198-200] “ภิกษุทั้งหลาย รูปที่เป็นอดีต ที่เป็นอนาคต ที่เป็นปัจจุบัน
เป็นทุกข์ สัททะ ... คันธะ ... รส ... โผฏฐัพพะ ... ธรรมารมณ์ที่เป็นอดีต
ที่เป็นอนาคต ที่เป็นปัจจุบันเป็นทุกข์
ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ... ไม่มีกิจ
อื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”

พาหิราตีตาทิทุกขสูตรที่ 31-33 จบ


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [1. สฬายตนสังยุต]
4. จตุตถปัณณาสก์ 2. สัฏฐิเปยยาลวรรค 37. อัชฌัตตา...ทิสูตร

34-36. พาหิราตีตาทิอนัตตสูตร
ว่าด้วยอายตนะภายนอกที่เป็นอดีตเป็นต้นเป็นอนัตตา

[201-203] “ภิกษุทั้งหลาย รูปที่เป็นอดีต ที่เป็นอนาคต ที่เป็นปัจจุบัน
เป็นอนัตตา สัททะ ... คันธะ ... รส ... โผฏฐัพพะ ... ธรรมารมณ์ที่เป็นอดีต
ที่เป็นอนาคต ที่เป็นปัจจุบันเป็นอนัตตา
ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ... ไม่มีกิจ
อื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”

พาหิราตีตาทิอนัตตสูตรที่ 34-36 จบ

37. อัชฌัตตาตีตยทนิจจสูตร
ว่าด้วยอายตนะภายในที่เป็นอดีตไม่เที่ยง

[204] “ภิกษุทั้งหลาย จักขุที่เป็นอดีตไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นบุคคลพึงเห็นด้วย
ปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า ‘นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่
อัตตาของเรา’ ฯลฯ
ชิวหาที่เป็นอดีตไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น
เป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นบุคคลพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็น
จริงอย่างนี้ว่า ‘นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา’ ฯลฯ
มโนที่เป็นอดีตไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น
เป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นบุคคลพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความ
เป็นจริงอย่างนี้ว่า ‘นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา’
ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ... ไม่มีกิจ
อื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”

อัชฌัตตาตีตยทนิจจสูตรที่ 37 จบ