เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [1. สฬายตนสังยุต]
4. จตุตถปัณณาสก์ 1. นันทิกขยวรรค 12. อัตตานุทิฏฐิปหานสูตร

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุ บุคคลเมื่อรู้ เห็นจักขุโดยความไม่เที่ยง จึงละ
มิจฉาทิฏฐิได้ เมื่อรู้ เห็นรูปโดยความไม่เที่ยง จึงละมิจฉาทิฏฐิได้ เมื่อรู้ เห็นจักขุ-
วิญญาณโดยความไม่เที่ยงจึงละมิจฉาทิฏฐิได้ เมื่อรู้ เห็นจักขุสัมผัสโดยความไม่เที่ยง
จึงละมิจฉาทิฏฐิได้ ฯลฯ เมื่อรู้ เห็นแม้ความเสวยอารมณ์ที่เป็นสุขหรือทุกข์หรือมิใช่
สุขมิใช่ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยโดยความไม่เที่ยง จึงละมิจฉาทิฏฐิได้
ภิกษุ บุคคลเมื่อรู้ เห็นอย่างนี้ จึงละมิจฉาทิฏฐิได้”

มิจฉาทิฏฐิปหานสูตรที่ 10 จบ

11. สักกายทิฏฐิปหานสูตร
ว่าด้วยการละสักกายทิฏฐิ

[166] ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง ฯลฯ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ บุคคลเมื่อรู้ เห็นอย่างไร จึงละสักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่าเป็นตัว
ของตน) ได้”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุ บุคคลเมื่อรู้ เห็นจักขุโดยความเป็นทุกข์ จึง
ละสักกายทิฏฐิได้ เมื่อรู้ เห็นรูปโดยความเป็นทุกข์ จึงละสักกายทิฏฐิได้ เมื่อรู้
เห็นจักขุวิญญาณโดยความเป็นทุกข์ จึงละสักกายทิฏฐิได้ เมื่อรู้ เห็นจักขุสัมผัส
โดยความเป็นทุกข์ จึงละสักกายทิฏฐิได้ ฯลฯ เมื่อรู้ เห็นแม้ความเสวยอารมณ์ที่
เป็นสุขหรือทุกข์หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยโดยความ
เป็นทุกข์ จึงละสักกายทิฏฐิได้
ภิกษุ บุคคลเมื่อรู้ เห็นอย่างนี้ จึงละสักกายทิฏฐิได้”

สักกายทิฏฐิปหานสูตรที่ 11 จบ

12. อัตตานุทิฏฐิปหานสูตร
ว่าด้วยการละอัตตานุทิฏฐิ

[167] ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง ฯลฯ ได้ทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
บุคคลเมื่อรู้ เห็นอย่างไร จึงละอัตตานุทิฏฐิได้”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 18 หน้า :200 }


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [1. สฬายตนสังยุต]
4. จตุตถปัณณาสก์ 1. นันทิกขยวรรค รวมพระสูตรที่มีในวรรค

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุ บุคคลเมื่อรู้ เห็นจักขุโดยความเป็นอนัตตา
จึงละอัตตานุทิฏฐิได้ เมื่อรู้ เห็นรูปโดยความเป็นอนัตตา จึงละอัตตานุทิฏฐิได้ เมื่อรู้
เห็นจักขุวิญญาณโดยความเป็นอนัตตา จึงละอัตตานุทิฏฐิได้ เมื่อรู้ เห็นจักขุสัมผัส
โดยความเป็นอนัตตา จึงละอัตตานุทิฏฐิได้ เมื่อรู้ เห็นแม้ความเสวยอารมณ์ที่เป็น
สุขหรือทุกข์หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัยโดยความเป็น
อนัตตา จึงละอัตตานุทิฏฐิได้ ฯลฯ
เมื่อรู้ เห็นชิวหาโดยความเป็นอนัตตา จึงละอัตตานุทิฏฐิได้ ฯลฯ
เมื่อรู้ เห็นมโนโดยความเป็นอนัตตา จึงละอัตตานุทิฏฐิได้ เมื่อรู้ เห็น
ธรรมารมณ์ ... มโนวิญญาณ ... มโนสัมผัส ... เมื่อรู้ เห็นแม้ความเสวย
อารมณ์ที่เป็นสุขหรือทุกข์หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย
โดยความเป็นอนัตตา จึงละอัตตานุทิฏฐิได้
ภิกษุ บุคคลเมื่อรู้ เห็นอย่างนี้ จึงละอัตตานุทิฏฐิได้”

อัตตานุทิฏฐิปหานสูตรที่ 12 จบ
นันทิกขยวรรคที่ 1 จบ

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ

1. อัชฌัตตนันทิกขยสูตร 2. พาหิรนันทิกขยสูตร
3. อัชฌัตตอนิจจนันทิกขยสูตร 4. พาหิรอนิจจนันทิกขยสูตร
5. ชีวกัมพวนสมาธิสูตร 6. ชีวกัมพวนปฏิสัลลานสูตร
7. โกฏฐิกอนิจจสูตร 8. โกฏฐิกทุกขสูตร
9. โกฏฐิกอนัตตสูตร 10. มิจฉาทิฏฐิปหานสูตร
11. สักกายทิฏฐิปหานสูตร 12. อัตตานุทิฏฐิปหานสูตร