พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค [1.ขันธสังยุต]
มูลปัณณาสก์ 5. อัตตทีปวรรค 6. ขันธสูตร
ภิกษุทั้งหลาย มโนมีอยู่ ธรรม1ทั้งหลายมีอยู่ อวิชชาธาตุ2มีอยู่ เมื่อปุถุชน
ผู้ไม่ได้สดับถูกความเสวยอารมณ์ซึ่งเกิดจากอวิชชาสัมผัสถูกต้องแล้ว เขาก็มีความ
ยึดมั่นถือมั่นว่า เราเป็น บ้าง เราเป็นนี้ บ้าง เราจักเป็น บ้าง เราจักไม่เป็น
บ้าง เราจักมีรูป บ้าง เราจักไม่มีรูป บ้าง เราจักมีสัญญา บ้าง เราจักไม่มี
สัญญา บ้าง เราจักมีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ บ้าง
ภิกษุทั้งหลาย ก็อินทรีย์ 5 ประการ ตั้งอยู่ได้เพราะการพิจารณาเห็นนั้นแล
เมื่อเป็นเช่นนี้ อริยสาวกผู้ได้สดับ ก็ละอวิชชาในอินทรีย์เหล่านั้น วิชชา3จึงเกิดขึ้น
เพราะอวิชชาคลายไป เพราะวิชชาเกิดขึ้น อริยสาวกนั้นจึงไม่มีความยึดมั่นถือมั่นว่า
เราเป็น บ้าง เราเป็นนี้ บ้าง เราจักเป็น บ้าง เราจักไม่เป็น บ้าง เราจัก
มีรูป บ้าง เราจักไม่มีรูป บ้าง เราจักมีสัญญา บ้าง เราจักไม่มีสัญญา บ้าง
เราจักมีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ บ้าง
สมนุปัสสนาสูตรที่ 5 จบ
6. ขันธสูตร
ว่าด้วยขันธ์
[48] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงขันธ์ 5 ประการ และ
อุปาทานขันธ์ 5 ประการ เธอทั้งหลายจงฟัง
ขันธ์ 5 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน
ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกล
หรือใกล้ก็ตาม นี้เรียกว่า รูปขันธ์