เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค [8. นาคสังยุต] 5. ตติยอุโปสถสูตร

4. ทุติยอุโปสถสูตร
ว่าด้วยอุโบสถ สูตรที่ 2

[345] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ นั่ง ณ
ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ
เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้นาคที่เป็นชลาพุชะบางพวกในโลกนี้รักษาอุโบสถและสละกายได้
(พึงขยายข้อความที่เหลือทั้งหมดให้พิสดาร)
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ภิกษุ นี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้นาคที่เป็น
ชลาพุชะบางพวกในโลกนี้รักษาอุโบสถและสละกายได้”

ทุติยอุโปสถสูตรที่ 4 จบ

5. ตติยอุโปสถสูตร
ว่าด้วยอุโบสถ สูตรที่ 3

[346] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
ภิกษุนั้น นั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้นาคที่เป็นสังเสทชะบางพวกใน
โลกนี้รักษาอุโบสถและสละกายได้ (พึงขยายข้อความที่เหลือทั้งหมดให้พิสดาร)
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ภิกษุ นี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้นาคที่เป็น
สังเสทชะบางพวกในโลกนี้รักษาอุโบสถและสละกายได้”

ตติยอุโปสถสูตรที่ 5 จบ


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค [8. นาคสังยุต] 7. สุตสูตร

6. จตุตถอุโปสถสูตร
ว่าด้วยอุโบสถ สูตรที่ 4

[347] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
ภิกษุนั้น นั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่พระ
องค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้นาคที่เป็นโอปปาติกะบางพวกในโลก
นี้รักษาอุโบสถและสละกายได้”
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ภิกษุ นาคที่เป็นโอปปาติกะบางพวกในโลกนี้มี
ความคิดอย่างนี้ว่า ‘เมื่อก่อน พวกเราได้เป็นผู้มีปกติกระทำกรรมทั้ง 2 ด้วยกาย
วาจา และใจ พวกเรานั้นมีปกติกระทำกรรมทั้ง 2 ด้วยกาย วาจา และใจ
หลังจากตายแล้วจึงเข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพวกนาคที่เป็นโอปปาติกะ ถ้าวันนี้
พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา และใจ เมื่อทำได้อย่างนี้ หลังจากตายแล้ว
พวกเราก็จะพึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเราประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา
และใจในบัดนี้เถิด’
ภิกษุ นี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้นาคที่เป็นโอปปาติกะบางพวกในโลกนี้
รักษาอุโบสถและสละกายได้”

จตุตถอุโปสถสูตรที่ 6 จบ

7. สุตสูตร
ว่าด้วยเรื่องที่ได้ฟังมา

[348] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
ภิกษุนั้น นั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ หลังจาก
ตายแล้วจะเข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 17 หน้า :353 }