เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค [2. ราธสังยุต]
2. ทุติยวรรค 8. อนัตตธัมมสูตร

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ราธะ รูปมีทุกข์เป็นธรรมดา เวทนามีทุกข์
เป็นธรรมดา สัญญามีทุกข์เป็นธรรมดา สังขารมีทุกข์เป็นธรรมดา วิญญาณมี
ทุกข์เป็นธรรมดา
ราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ... ไม่มีกิจอื่นเพื่อ
ความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”

ทุกขธัมมสูตรที่ 6 จบ

7. อนัตตสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนัตตา

[176] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ที่พระองค์ตรัสว่า ‘อนัตตา อนัตตา’ อนัตตาเป็นอย่างไร”
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ราธะ รูปเป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา
สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณเป็นอนัตตา
ราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ... ไม่มีกิจอื่นเพื่อ
ความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”

อนัตตสูตรที่ 7 จบ

8. อนัตตธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่มีอนัตตาเป็นธรรมดา

[177] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ที่พระองค์ตรัสว่า ‘สิ่งที่มีอนัตตาเป็นธรรมดา สิ่งที่มีอนัตตาเป็น
ธรรมดา’ สิ่งที่มีอนัตตาเป็นธรรมดาเป็นอย่างไร”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 17 หน้า :265 }


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค [2. ราธสังยุต]
2. ทุติยวรรค 9. ขยธัมมสูตร

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ราธะ รูปมีอนัตตาเป็นธรรมดา เวทนามี
อนัตตาเป็นธรรมดา สัญญามีอนัตตาเป็นธรรมดา สังขารมีอนัตตาเป็นธรรมดา
วิญญาณมีอนัตตาเป็นธรรมดา
ราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ... ไม่มีกิจอื่นเพื่อ
ความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”

อนัตตธัมมสูตรที่ 8 จบ

9. ขยธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา

[178] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ที่พระองค์ตรัสว่า ‘สิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา สิ่งที่มีความสิ้น
ไปเป็นธรรมดา’ สิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดาเป็นอย่างไร”
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ราธะ รูปมีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เวทนามี
ความสิ้นไปเป็นธรรมดา สัญญามีความสิ้นไปเป็นธรรมดา สังขารมีความสิ้นไป
เป็นธรรมดา วิญญาณมีความสิ้นไปเป็นธรรมดา
ราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ รู้ชัดว่า ... ไม่มีกิจอื่นเพื่อ
ความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป”

ขยธัมมสูตรที่ 9 จบ