เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค [1.ขันธสังยุต]
จูฬปัณณาสก์ 4. กุกกุฬวรรค 6. ทุติยทุกขสูตร

ก็อะไรเล่าไม่เที่ยง
คือ รูปไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในรูปนั้น
เวทนาไม่เที่ยง ฯลฯ
สัญญา ...
สังขาร ...
วิญญาณไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในวิญญาณนั้น
ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้น”

ตติยอนิจจสูตรที่ 4 จบ

5. ทุกขสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นทุกข์

[140] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละ
ฉันทะในสิ่งนั้น ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้น”

ทุกขสูตรที่ 5 จบ

6. ทุติยทุกขสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นทุกข์ สูตรที่ 2

[141] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละ
ราคะในสิ่งนั้น ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้น”

ทุติยทุกขสูตรที่ 6 จบ


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค [1.ขันธสังยุต]
จูฬปัณณาสก์ 4. กุกกุฬวรรค 8. อนัตตสูตร

7. ตติยทุกขสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นทุกข์ สูตรที่ 3

[142] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละ
ฉันทราคะในสิ่งนั้น ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้น”

ตติยทุกขสูตรที่ 7 จบ

8. อนัตตสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนัตตา

[143] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละ
ฉันทะในสิ่งนั้น
ก็อะไรเล่าเป็นอนัตตา
คือ รูปเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในรูปนั้น
เวทนาเป็นอนัตตา ฯลฯ
สัญญา ...
สังขาร ...
วิญญาณเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในวิญญาณนั้น
ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้น”

อนัตตสูตรที่ 8 จบ