พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค [1.ขันธสังยุต]
จูฬปัณณาสก์ 3. อวิชชาวรรค 2. ทุติยสมุทยธัมมสูตร
เป็นจริงว่า วิญญาณมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา รู้ชัดวิญญาณที่มีความเกิดขึ้น
และความเสื่อมไปเป็นธรรมดาตามความเป็นจริงว่า วิญญาณมีความเกิดขึ้นและ
ความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ภิกษุ นี้เราเรียกว่า วิชชา และด้วยเหตุเพียงเท่านี้ บุคคลจึงเป็นผู้มีวิชชา
สมุทยธัมมสูตรที่ 1 จบ
2. ทุติยสมุทยธัมมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สูตรที่ 2
[127] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโกฏฐิตะอยู่ ณ ป่า
อิสิปตนมฤคทายวัน เขตกรุงพาราณสี ครั้งนั้น ท่านพระมหาโกฏฐิตะออกจากที่
หลีกเร้นในเวลาเย็น ฯลฯ นั่ง ณ ที่สมควร ได้ถามท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า
ท่านสารีบุตร ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อวิชชา อวิชชา อวิชชาเป็นอย่างไร
และด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ บุคคลจึงเป็นผู้ตกอยู่ในอวิชชา
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ท่านผู้มีอายุ ปุถุชนในโลกนี้ผู้ไม่ได้สดับ ไม่รู้ชัด
รูปที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาตามความเป็นจริงว่า รูปมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ไม่รู้ชัดรูปที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาตามความเป็นจริง ฯลฯ ไม่รู้ชัดรูปที่มี
ความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดาตามความเป็นจริงว่า รูปมีความเกิดขึ้น
และความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ไม่รู้ชัดเวทนาที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ฯลฯ เวทนาที่มีความเสื่อมไป
เป็นธรรมดา ฯลฯ ไม่รู้ชัด ... ตามความเป็นจริงว่า เวทนามีความเกิดขึ้นและ
ความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ไม่รู้ชัดสัญญาที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ฯลฯ
ไม่รู้ชัดสังขารที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ฯลฯ ไม่รู้ชัดสังขารที่มีความ
เสื่อมไปเป็นธรรมดา ฯลฯ ไม่รู้ชัดสังขารที่มีความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปเป็น
ธรรมดาตามความเป็นจริงว่า สังขารทั้งหลายมีความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปเป็น
ธรรมดา