เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค [1.ขันธสังยุต]
มัชฌิมปัณณาสก์ 3. ขัชชนียวรรค 4. อรหันตสูตร

เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุด
พ้นแล้ว ก็รู้ว่า ‘หลุดพ้นแล้ว’ รู้ชัดว่า ‘ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว
ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป’
ภิกษุทั้งหลาย พระอรหันต์ทั้งหลายเป็นผู้เลิศ ประเสริฐที่สุดในโลกกว่าสัตว์
ในสัตตาวาสและภวัคคภพ”
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดาได้ตรัสเวยยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถา-
ประพันธ์ต่อไปอีกว่า
“พระอรหันต์ทั้งหลายมีความสุข1หนอ
เพราะท่านไม่มีตัณหา ตัดอัสมิมานะได้เด็ดขาด
ทำลายข่ายคือโมหะได้แล้ว
พระอรหันต์เหล่านั้นถึงความไม่หวั่นไหว2
มีจิตไม่ขุ่นมัว ไม่แปดเปื้อนในโลก
เป็นผู้ประเสริฐ ไม่มีอาสวะ เป็นสัตบุรุษ
เป็นพุทธบุตร พุทธโอรส กำหนดรู้ขันธ์ 5
มีสัทธรรม 7 ประการเป็นโคจร3 ควรสรรเสริญ
ท่านเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ4
สำเหนียกแล้วในไตรสิกขา


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค [1.ขันธสังยุต]
มัชฌิมปัณณาสก์ 3. ขัชชนียวรรค 5. ทุติยอรหันตสูตร

ละความกลัวและความสะดุ้งกลัวได้เด็ดขาดแล้ว
ย่อมเที่ยวไปโดยลำดับ
ท่านมหานาคผู้สมบูรณ์ด้วยองค์ 10
มีจิตตั้งมั่น1 ประเสริฐที่สุดในโลก
เพราะท่านเหล่านั้นไม่มีตัณหา มีอเสขญาณ2 เกิดขึ้นแล้ว
มีร่างกายนี้เป็นร่างสุดท้าย
ไม่ต้องอาศัยผู้อื่นในคุณที่เป็นแก่นสารแห่งพรหมจรรย์
ท่านเหล่านั้นไม่หวั่นไหวในส่วนทั้งหลาย3
พ้นจากภพใหม่ถึงทันตภูมิ4 ชนะเด็ดขาดแล้วในโลก
ท่านเหล่านั้นไม่มีความเพลิดเพลินอยู่
ในส่วนเบื้องบน ท่ามกลาง และเบื้องล่าง
เป็นพุทธะผู้ยอดเยี่ยมในโลก ย่อมบันลือสีหนาท”

อรหันตสูตรที่ 4 จบ

5. ทุติยอรหันตสูตร
ว่าด้วยพระอรหันต์ สูตรที่ 2

[77] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้น
เป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นเธอทั้งหลาย