เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [1. นิทานสังยุต]
4. กฬารขัตติยวรรค 2. กฬารสูตร

คาถานี้อชิตมาณพกล่าวไว้ในอชิตปัญหา ปารายนวรรคว่า
พระอรหันตขีณาสพเหล่าใดผู้มีสังขาตธรรม
และพระเสขะเหล่าใดที่มีอยู่เป็นอันมากในที่นี้
ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ข้าพระองค์ทูลถามแล้ว
ขอพระองค์ผู้มีปัญญา โปรดตรัสบอกการดำเนินชีวิต
ของพระอรหันตขีณาสพ และพระเสขะเหล่านั้น
สารีบุตร เธอพึงเห็นเนื้อความแห่งคาถาที่กล่าวโดยย่อนี้ โดยพิสดารอย่างนี้แล”

ภูตสูตรที่ 1 จบ

2. กฬารสูตร
ว่าด้วยพระกฬาระ

[32] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ... เขตกรุงสาวัตถี
ครั้งนั้น พระกฬารขัตติยะเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ ได้สนทนาปราศรัย
พอเป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้ว นั่ง ณ ที่สมควร ได้กล่าวกับท่าน
พระสารีบุตรดังนี้ว่า ‘ท่านสารีบุตร พระโมลิยผัคคุนะได้บอกคืนสิกขา กลับมา
เป็นคฤหัสถ์แล้ว’
“ท่านโมลิยผัคคุนะนั้นคงไม่ได้ความพอใจในพระธรรมวินัยนี้กระมัง”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านสารีบุตรคงได้ความพอใจในพระธรรมวินัยนี้กระมัง”
“ท่านผู้มีอายุ ผมไม่สงสัยเลย”
“ท่านผู้มีอายุ ก็ต่อไปเล่า ท่านไม่สงสัยหรือ”
“ท่านผู้มีอายุ ถึงต่อไปผมก็ไม่ลังเล”
ลำดับนั้น พระกฬารขัตติยะลุกจากอาสนะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 16 หน้า :62 }


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [1. นิทานสังยุต]
4. กฬารขัตติยวรรค 2. กฬารสูตร

‘ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระสารีบุตรพยากรณ์อรหัตตผลว่า ‘เรารู้ชัดว่า
ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความ
เป็นอย่างนี้อีกต่อไป”
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งให้เรียกภิกษุรูปหนึ่งมาตรัสว่า ‘มาเถิด
ภิกษุ เธอจงไปเรียกสารีบุตรมาตามคำของเราว่า ‘ท่านสารีบุตร พระศาสดารับสั่งให้
ท่านเข้าเฝ้า’ ภิกษุนั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่
แล้วเรียนว่า ‘ท่านสารีบุตร พระศาสดารับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้า’ ท่านพระสารีบุตรรับคำแล้ว
จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามว่า ‘สารีบุตร ได้ทราบว่าเธอพยากรณ์อรหัตตผล
ว่า ‘เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มี
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป จริงหรือ”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์หาได้กล่าวเนื้อความโดยบท โดยพยัญชนะ
เช่นนี้ไม่”
“สารีบุตร กุลบุตรย่อมพยากรณ์อรหัตตผลโดยปริยาย(โดยอ้อม)อย่างใดอย่างหนึ่ง
เมื่อเป็นเช่นนั้น อรหัตตผลที่เธอพยากรณ์ไปแล้ว บุคคลพึงเห็นตามที่เธอพยากรณ์หรือ”
“แม้ข้าพระองค์ก็ได้กราบทูลไว้อย่างนี้มิใช่หรือว่า ‘ข้าพระองค์หาได้กล่าวเนื้อ
ความโดยบท โดยพยัญชนะเช่นนี้ไม่”
“ถ้ามีผู้ถามเธออย่างนี้ว่า ‘ท่านสารีบุตร ท่านรู้เห็นอย่างไร จึงพยากรณ์
อรหัตตผลว่า ‘ข้าพเจ้ารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำ
เสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป’ เมื่อถูกถามอย่างนี้ เธอพึง
พยากรณ์อย่างไร”
“ถ้ามีผู้ถามข้าพระองค์อย่างนี้ว่า ‘ท่านสารีบุตร ท่านรู้เห็นอย่างไร จึงพยากรณ์
อรหัตตผลว่า ‘ข้าพเจ้ารู้ชัดว่า ‘ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำ
เสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป’ ข้าพระองค์ถูกถามอย่างนี้แล้ว
พึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้มีอายุ ชาติมีสิ่งใดเป็นเหตุ เมื่อต้นเหตุแห่งชาตินั้น
สิ้นไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงรู้ว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นผู้สิ้นแล้ว’ เพราะปัจจัยแห่งชาตินั้นสิ้นไปแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 16 หน้า :63 }