เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [8. ลักขณสังยุต]
1. ปฐมวรรค 5. อสิโลมสูตร

3. ปิณฑสูตร
ว่าด้วยเปรตร่างก้อนเนื้อ1

[204] “ท่าน เมื่อกระผมลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นมังสปิณฑเปรต
(เปรต ร่างก้อนเนื้อ) ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ ฝูงแร้ง นกกา นกเหยี่ยวพากันโฉบอยู่ขวักไขว่
จิกทึ้งยื้อแย่งเปรตนั้นสะบัดไปมาจนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นคนฆ่านกในกรุงราชคฤห์” ฯลฯ

ปิณฑสูตรที่ 3 จบ

4. นิจฉวิสูตร
ว่าด้วยเปรตร่างไม่มีผิวหนังเพศชาย2

[205] “ท่าน เมื่อกระผมลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นนิจฉวิเปรต(เปรตร่าง
ไม่มีผิวหนัง)เพศชาย ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ ฝูงแร้ง นกกา นกเหยี่ยวพากันโฉบอยู่
ขวักไขว่จิกทึ้งยื้อแย่งเปรตนั้นสะบัดไปมาจนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นคนฆ่าแกะในกรุงราชคฤห์” ฯลฯ

นิจฉวิสูตรที่ 4 จบ

5. อสิโลมสูตร
ว่าด้วยเปรตร่างมีขนเป็นดาบเพศชาย3

[206] “ท่าน เมื่อกระผมลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นอสิโลมเปรต(เปรตร่าง
มีขนเป็นดาบ)เพศชาย ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ (ขน)ดาบเหล่านั้นของมันหลุดลอยขึ้นไป
แล้วกลับตกลงที่ร่างของมันเองจนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นคนฆ่าหมูในกรุงราชคฤห์” ฯลฯ

อสิโลมสูตรที่ 5 จบ


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [8. ลักขณสังยุต]
1. ปฐมวรรค 8. สูจิโลมสูตร

6. สัตติสูตร
ว่าด้วยเปรตร่างมีขนเป็นหอกเพศชาย1

[207] “ท่าน เมื่อกระผมลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นสัตติโลมเปรต(เปรตมี
ขนเป็นหอก)เพศชาย ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ (ขน)หอกเหล่านั้นของมันหลุดลอยขึ้น
ไปแล้วกลับตกลงมาที่ร่างของมันเองจนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นพรานล่าเนื้อในกรุงราชคฤห์” ฯลฯ

สัตติสูตรที่ 6 จบ

7. อุสุโลมสูตร
ว่าด้วยเปรตร่างมีขนเป็นลูกศรเพศชาย2

[208] “ท่าน เมื่อกระผมลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นอุสุโลมเปรต(เปรตร่าง
มีขนเป็นลูกศร)เพศชาย ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ (ขน)ลูกศรเหล่านั้นของมันหลุดลอย
ขึ้นไปแล้วกลับตกลงมาที่ร่างของมันเองจนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นเพชฌฆาตในกรุงราชคฤห์” ฯลฯ

อุสุโลมสูตรที่ 7 จบ

8. สูจิโลมสูตร
ว่าด้วยเปรตมีร่างถูกเข็มทิ่มแทงเพศชาย3

[209] “ท่าน เมื่อกระผมลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นสูจิโลมเปรต(เปรตร่าง
มีขนเป็นเข็ม)เพศชาย ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ (ขน)เข็มเหล่านั้นของมันหลุดลอยขึ้น
ไปแล้วกลับตกลงมาที่ร่างของมันเองจนมันร้องครวญคราง ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย เปรตนั้นเคยเป็นนายสารถีในกรุงราชคฤห์” ฯลฯ

สูจิโลมสูตรที่ 8 จบ