เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [5. กัสสปสังยุต] 12. ปรัมมรณสูตร

เนรมิตแล้ว เป็นธรรมทายาท จึงรับผ้าป่านบังสุกุลที่ใช้สอยแล้ว’ บุคคลเมื่อจะ
กล่าวถึงคนนั้นให้ถูกต้อง ควรกล่าวกับผมว่า ‘บุตรของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้เกิด
แต่อก เกิดแต่พระโอษฐ์ เกิดแต่พระธรรม อันพระธรรมเนรมิตแล้ว เป็นธรรมทายาท
ได้รับผ้าป่านบังสุกุลที่ใช้สอยแล้ว’
ผมสงัดจากกามและจากอกุศลธรรมทั้งหลาย บรรลุปฐมฌาน ที่มีวิตกวิจาร
ปีติและสุขอันเกิดจากวิเวกอยู่ตราบเท่าที่ผมต้องการ ผม ฯลฯ ตราบเท่าที่ผม
ต้องการ
[อนุปุพพวิหารสมาบัติ 9 และอภิญญา 5 มีข้อความที่ละไว้อย่างนี้]
ท่านผู้มีอายุ ผมทำให้แจ้งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้
เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน ผู้ใดสำคัญ
ผมว่าควรปกปิดได้ด้วยอภิญญา 6 ผู้นั้นก็ควรสำคัญช้าง 7 ศอก หรือ 7 ศอกครึ่ง
ว่าจะพึงปกปิดได้ด้วยใบตาล
ภิกษุณีชื่อถุลลนันทาเคลื่อนจากพรหมจรรย์แล้ว

จีวรสูตรที่ 11 จบ

12. ปรัมมรณสูตร1
ว่าด้วยตถาคตตายไปแล้วเกิดอีกหรือไม่เกิด

[155] สมัยหนึ่ง ท่านพระมหากัสสปะและท่านพระสารีบุตรพักอยู่ ณ
ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตกรุงพาราณสี ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่
หลีกเร้น ในเวลาเย็นเข้าไปหาท่านพระมหากัสสปะถึงที่อยู่ ได้สนทนาปราศรัยพอ
เป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ครั้นท่านพระสารีบุตรนั่ง
เรียบร้อยแล้ว ได้ถามท่านพระมหากัสสปะดังนี้ว่า
“ท่านกัสสปะ หลังจากตายแล้ว ตถาคต2เกิดอีกหรือ”