พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [1. เทวดาสังยุต] 6. ชราวรรค 7. ตติยชนสูตร
6. ทุติยชนสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่ทำคนให้เกิด สูตรที่ 2
[56] เทวดาทูลถามว่า
อะไรเล่าทำคนให้เกิด
อะไรเล่าของคนนั้นย่อมพล่านไป
อะไรเล่าเวียนว่ายในสงสาร
สัตว์ย่อมไม่หลุดพ้นจากอะไร
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ตัณหาทำคนให้เกิด
จิตของคนนั้นย่อมพล่านไป
สัตว์เวียนว่ายในสงสาร
สัตว์ย่อมไม่หลุดพ้นจากทุกข์
ทุติยชนสูตรที่ 6 จบ
7. ตติยชนสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่ทำคนให้เกิด สูตรที่ 3
[57] เทวดาทูลถามว่า
อะไรเล่าทำคนให้เกิด
อะไรเล่าของคนนั้นย่อมพล่านไป
อะไรเล่าเวียนว่ายในสงสาร
อะไรเล่าเป็นที่ไปในเบื้องหน้าของคนนั้น
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ตัณหาทำคนให้เกิด
จิตของคนนั้นย่อมพล่านไป
สัตว์เวียนว่ายในสงสาร
กรรมเป็นที่ไปในเบื้องหน้าของคนนั้น
ตติยชนสูตรที่ 7 จบ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [1. เทวดาสังยุต] 6. ชราวรรค 9. ทุติยสูตร
8. อุปปถสูตร
ว่าด้วยทางผิด
[58] เทวดาทูลถามว่า
อะไรเล่าบัณฑิตกล่าวว่า เป็นทางผิด
อะไรเล่าสิ้นไปตามคืนและวัน
อะไรเล่าเป็นมลทินของพรหมจรรย์
อะไรเล่ามิใช่น้ำ แต่เป็นเครื่องชำระล้าง
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ราคะบัณฑิตกล่าวว่า เป็นทางผิด
วัยสิ้นไปตามคืนและวัน
หญิงเป็นมลทินของพรหมจรรย์ หมู่สัตว์นี้ข้องอยู่ในหญิงนั่น
ตบะและพรหมจรรย์นั้นมิใช่น้ำ แต่เป็นเครื่องชำระล้าง
อุปปถสูตรที่ 8 จบ
9. ทุติยสูตร
ว่าด้วยเพื่อน
[59] เทวดาทูลถามว่า
อะไรเล่าเป็นเพื่อนของบุรุษ
อะไรเล่าย่อมปกครองบุรุษนั้น
และสัตว์ยินดีในอะไร จึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ศรัทธาเป็นเพื่อนของบุรุษ
ปัญญาย่อมปกครองบุรุษนั้น
สัตว์ยินดีในนิพพาน จึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
ทุติยสูตรที่ 9 จบ