เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [1. เทวดาสังยุต]
5. อาทิตตวรรค 4. เอกมูลสูตร

3. อันนสูตร
ว่าด้วยข้าว

[43] เทวดากล่าวว่า
เทวดาและมนุษย์ทั้งสองพวก
ต่างก็พอใจข้าวด้วยกันทั้งนั้น
ส่วนผู้ที่ไม่พอใจข้าว ชื่อว่ายักษ์โดยแท้
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนเหล่าใดมีใจเลื่อมใสให้ข้าวนั้นด้วยศรัทธา
ข้าวนั้นเองย่อมค้ำชูชนเหล่านั้นทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
เพราะเหตุนั้น บุคคลพึงกำจัดความตระหนี่
ครอบงำมลทินแล้วให้ทานเถิด
เพราะบุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า

อันนสูตรที่ 3 จบ

4. เอกมูลสูตร
ว่าด้วยบาดาลมีรากอันเดียว

[44] เทวดากล่าวว่า
บาดาลมีรากอันเดียว1 มีวนเวียน 2 อย่าง2
มีมลทิน 3 ประการ3 มีเครื่องลาด 5 ประการ4
เป็นทะเลหมุนไปได้ทั้ง 12 ด้าน5ฤาษีข้ามพ้นได้แล้ว

เอกมูลสูตรที่ 4 จบ


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [1. เทวดาสังยุต]
5. อาทิตตวรรค 6. อัจฉราสูตร

5. อโนมิยสูตร
ว่าด้วยพระนามไม่ต่ำต้อย

[45] เทวดากล่าวว่า
เชิญท่านทั้งหลายดูพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้มีพระนามไม่ต่ำต้อย1 ทรงเห็นประโยชน์อันละเอียดอ่อน
ให้ซึ่งปัญญา ไม่ทรงข้องอยู่ในอาลัยคือกาม
ตรัสรู้ธรรมทุกอย่าง มีพระปรีชา ดำเนินไปในทางอันประเสริฐ
ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่

อโนมิยสูตรที่ 5 จบ

6. อัจฉราสูตร
ว่าด้วยนางอัปสร

[46] เทวดาทูลถามว่า
ราวป่าน่าหลงใหล กึกก้องไปด้วยหมู่นางอัปสร
เป็นป่าที่หมู่ปีศาจอาศัยอยู่ จักออกไปได้อย่างไร
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ทางนั้นชื่อว่าเป็นทางตรง ทิศนั้นชื่อว่าไม่มีภัย
รถชื่อว่าไม่มีเสียงดัง ประกอบด้วยล้อคือธรรม
หิริเป็นฝาประทุนของรถนั้น สติเป็นเกราะกั้นของรถนั้น
เรากล่าวธรรม มีสัมมาทิฏฐินำหน้าว่าเป็นนายสารถี
ยานชนิดนี้มีอยู่แก่ผู้ใด จะเป็นสตรีหรือบุรุษก็ตาม
ผู้นั้นไปใกล้นิพพานด้วยยานนี้แล

อัจฉราสูตรที่ 6 จบ