เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [11. สักกสังยุต]
1. ปฐมวรรค 8. เวโรจนอสุรินทสูตร

8. เวโรจนอสุรินทสูตร
ว่าด้วยท้าวเวโรจนะจอมอสูร

[254] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคทรงหลีกเร้นประทับ
พักผ่อนอยู่ในที่พักกลางวัน ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพกับท้าวเวโรจนะจอมอสูร
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้ยืนพิงบานประตูคนละข้าง ลำดับนั้น
ท้าวเวโรจนะจอมอสูรได้กล่าวคาถานี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคว่า
บุรุษควรพยายามไปจนกว่าประโยชน์จะสำเร็จ
ประโยชน์อันงดงามอยู่ที่ความสำเร็จ
นี่เป็นถ้อยคำของเวโรจนะ
ท้าวสักกะจอมเทพตรัสว่า
บุรุษควรพยายามไปจนกว่าประโยชน์จะสำเร็จ
ประโยชน์ทั้งหลายอันงดงามอยู่ที่ความสำเร็จ
ประโยชน์อื่นที่ยิ่งกว่าขันติไม่มี
ท้าวเวโรจนะจอมอสูรกล่าวว่า
สรรพสัตว์มีความต้องการในสิ่งนั้น ๆ ตามสมควร
ส่วนการบริโภคของสรรพสัตว์ มีการปรุงแต่งเป็นอย่างดี
ประโยชน์ทั้งหลายอันงดงามอยู่ที่ความสำเร็จ
นี้เป็นถ้อยคำของเวโรจนะ
ท้าวสักกะจอมเทพตรัสว่า
สรรพสัตว์มีความต้องการในสิ่งนั้น ๆ ตามสมควร
ส่วนการบริโภคของสรรพสัตว์ มีการปรุงแต่งเป็นอย่างดี
ประโยชน์ทั้งหลายอันงดงามอยู่ที่ความสำเร็จ
ประโยชน์อื่นที่ยิ่งกว่าขันติไม่มี

เวโรจนอสุรินทสูตรที่ 8 จบ


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [11. สักกสังยุต]
1. ปฐมวรรค 9. อารัญญกสูตร

9. อารัญญกสูตร
ว่าด้วยภิกษุผู้อยู่ในป่า

[255] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ฤๅษีผู้มีศีล มีกัลยาณธรรมจำนวนมากอาศัย
อยู่ในกุฎีที่มุงด้วยใบไม้ในราวป่า ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพกับท้าวเวปจิตติ
จอมอสูร เข้าไปหาฤๅษีผู้มีศีล มีกัลยาณธรรมเหล่านั้นถึงที่อยู่ ครั้งนั้น ท้าวเวปจิตติ
จอมอสูร ทรงฉลองพระบาทหนาหลายชั้น ทรงพระขรรค์ มีผู้กั้นฉัตรให้ เข้าไปสู่
อาศรมทางประตูพิเศษ เข้าไปใกล้ฤๅษีผู้มีศีล มีกัลยาณธรรมเหล่านั้นห่างไม่ถึงวา
ส่วนท้าวสักกะจอมเทพทรงถอดฉลองพระบาท ประทานพระขรรค์ให้แก่ผู้อื่น รับสั่ง
ให้ลดฉัตร เสด็จเข้าไปทางอาศรมโดยทางประตูเข้าออก ประคองอัญชลีนอบน้อม
ฤๅษีผู้มีศีล มีกัลยาณธรรมเหล่านั้นแล้วอยู่ใต้ลม ครั้งนั้น ฤๅษีผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม
เหล่านั้น ได้กล่าวกับท้าวสักกะจอมเทพด้วยคาถาว่า
กลิ่นของฤๅษีผู้ประพฤติพรตมานาน
ย่อมฟุ้งจากกายไปตามลม
ท้าวสหัสนัยน์1 พระองค์จงถอยไปจากที่นี้
ท้าวเทวราช กลิ่นของพวกฤๅษี ไม่สะอาด
ท้าวสักกะตรัสตอบว่า
กลิ่นของพวกฤๅษีผู้ประพฤติพรตมานาน
ย่อมฟุ้งจากกายไปตามลม
ท่านเจ้าข้า พวกข้าพเจ้าต่างก็มุ่งหวังกลิ่นนี้
เหมือนคนมุ่งหวังระเบียบดอกไม้อันวิจิตรบนศีรษะ ฉะนั้น
พวกเทพหามีความสำคัญในกลิ่น
ของผู้มีศีลนี้ว่า เป็นสิ่งปฏิกูลไม่

อารัญญกสูตรที่ 9 จบ