เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [10. ยักขสังยุต] 8. สุทัตตสูตร

ช้าง 100,000 เชือก ม้า 100,000 ตัว
รถเทียมด้วยม้าอัสดร 100,000 คัน
หญิงสาวที่ประดับตุ้มหูอัญมณี 100,000 คน
ยังไม่ถึงเสี้ยวที่ 161 แห่งการก้าวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
ท่านจงก้าวไปเถิดคหบดี ท่านจงก้าวไปเถิดคหบดี
การก้าวไปของท่านประเสริฐ การถอยหลังไม่ประเสริฐเลย
ครั้งนั้น ความมืดได้หายไป แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นแก่ท่านอนาถบิณฑิกคหบดี
ความกลัว ความหวาดสะดุ้ง และความขนพองสยองเกล้าก็ระงับไป
แม้ครั้งที่ 2 แสงสว่างก็หายไป ความมืดก็ปรากฏขึ้นแก่ท่านอนาถบิณฑิก-
คหบดี ความกลัว ความหวาดสะดุ้ง และความขนพองสยองเกล้าก็บังเกิดขึ้น
ท่านอนาถบิณฑิกคหบดีจึงใคร่ที่จะกลับจากที่นั้นอีก แม้ครั้งที่ 2 สิวกยักษ์หายตัว
ไปได้ส่งเสียงให้ได้ยินว่า
ช้าง 100,000 เชือก ม้า 100,000 ตัว
ฯลฯ
ยังไม่ถึงเสี้ยวที่ 16 แห่งการก้าวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
ท่านจงก้าวไปเถิดคหบดี ท่านจงก้าวไปเถิดคหบดี
การก้าวไปของท่านประเสริฐ การถอยหลังไม่ประเสริฐเลย
ครั้งนั้น ความมืดก็หายไป แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นแก่ท่านอนาถบิณฑิกคหบดี
ความกลัว ความหวาดสะดุ้ง และความขนพองสยองเกล้าก็ระงับไป


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [10. ยักขสังยุต] 8. สุทัตตสูตร

แม้ครั้งที่ 3 แสงสว่างก็หายไป ความมืดก็ปรากฏขึ้นแก่ท่านอนาถบิณฑิก-
คหบดี ความกลัว ความหวาดสะดุ้ง และความขนพองสยองเกล้าก็บังเกิดขึ้น
ท่านอนาถบิณฑิกคหบดีจึงใคร่ที่จะกลับจากที่นั้นอีก แม้ครั้งที่ 3 สิวกยักษ์หายตัวไป
ได้ส่งเสียงให้ได้ยินว่า
ช้าง 100,000 เชือก ม้า 100,000 ตัว
ฯลฯ
ยังไม่ถึงเสี้ยวที่ 16 แห่งการก้าวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
ท่านจงก้าวไปเถิดคหบดี ท่านจงก้าวไปเถิดคหบดี
การก้าวไปของท่านประเสริฐ การถอยหลังไม่ประเสริฐเลย
ครั้งนั้น ความมืดก็หายไป แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นแก่ท่านอนาถบิณฑิกคหบดี
ความกลัว ความหวาดสะดุ้ง และความขนพองสยองเกล้าก็ระงับไป ครั้งนั้น ท่าน
อนาถบิณฑิกคหบดีเดินเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงป่าสีตวัน
สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จลุกขึ้นในเวลาเช้าตรู่แล้ว เสด็จจงกรมอยู่ในที่
กลางแจ้ง พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นท่านอนาถบิณฑิกคหบดีผู้มาแต่ไกล ครั้นแล้ว
เสด็จลงจากที่จงกรม ประทับนั่งบนพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้ว ได้ตรัสกับท่านอนาถ-
บิณฑิกคหบดีดังนี้ว่า “มาเถิด สุทัตตะ” ครั้งนั้น ท่านอนาถบิณฑิกคหบดีคิดว่า
“พระผู้มีพระภาคทรงทักเราโดยชื่อ” จึงร่าเริงดีใจหมอบลงแทบพระยุคลบาทของ
พระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้าในที่นั้นเองแล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เจริญ พระองค์ประทับอยู่เป็นสุขหรือ พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
พราหมณ์ผู้ดับกิเลสแล้ว
ย่อมอยู่เป็นสุขทุกเมื่อ ไม่ติดอยู่ในกาม1