เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [1. เทวดาสังยุต]
2. นันทนวรรค 9. กุฏิกาสูตร

9. กุฏิกาสูตร
ว่าด้วยกระท่อม

[19] เทวดาทูลถามว่า
ท่านไม่มีกระท่อมหรือ
ท่านไม่มีรังหรือ
ท่านไม่มีผู้สืบสกุลหรือ
ท่านเป็นผู้หลุดพ้นจากเครื่องผูกแล้วหรือ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
แน่นอน เราไม่มีกระท่อม
แน่นอน เราไม่มีรัง
แน่นอน เราไม่มีผู้สืบสกุล
แน่นอน เราเป็นผู้หลุดพ้นจากเครื่องผูกแล้ว
เทวดาทูลถามว่า
กระท่อมที่ข้าพเจ้ากล่าวกับท่าน คืออะไร
รังที่ข้าพเจ้ากล่าวกับท่าน คืออะไร
ผู้สืบสกุลที่ข้าพเจ้ากล่าวกับท่าน คืออะไร
เครื่องผูกที่ข้าพเจ้ากล่าวกับท่าน คืออะไร
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
กระท่อมที่ท่านกล่าวกับเรา คือมารดา
รังที่ท่านกล่าวกับเรา คือภรรยา
ผู้สืบสกุลที่ท่านกล่าวกับเรา คือบุตร
เครื่องผูกที่ท่านกล่าวกับเรา คือตัณหา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 15 หน้า :17 }


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [1. เทวดาสังยุต]
2. นันทนวรรค 10. สมิทธิสูตร

เทวดากล่าวว่า
ดีจริง ท่านไม่มีกระท่อม
ดีจริง ท่านไม่มีรัง
ดีจริง ท่านไม่มีผู้สืบสกุล
ดีจริง ท่านเป็นผู้หลุดพ้นจากเครื่องผูกแล้ว

กุฏิกาสูตรที่ 9 จบ

10. สมิทธิสูตร
ว่าด้วยพระสมิทธิ

[20] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ตโปทาราม เขตกรุงราชคฤห์ ครั้งนั้น
ท่านพระสมิทธิลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ไปที่แม่น้ำตโปทาเพื่อสรงน้ำ เสร็จแล้วขึ้นมา มีจีวร
ผืนเดียว1ได้ยืนรอให้ตัวแห้งอยู่ ครั้นเมื่อราตรีผ่านไป เทวดาองค์หนึ่งมีวรรณะงดงาม
ยิ่งนัก เปล่งรัศมีให้สว่างทั่วแม่น้ำตโปทา เข้าไปหาท่านพระสมิทธิถึงที่อยู่แล้วยืนอยู่
ในอากาศได้กล่าวกับท่านพระสมิทธิด้วยคาถาว่า
ภิกษุ ท่านไม่บริโภคแต่ยังขออยู่
ท่านบริโภคแล้วก็ต้องไม่ขอเลย
ภิกษุ ท่านบริโภคแล้วจงขอเถิด
กาล2อย่าได้ล่วงท่านไปเลย