พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค [2. เทวปุตตสังยุต]
3. นานติตถิยวรรค 3. เสรีสูตร
บ้าง ข้าพระองค์ได้มีความคิดดังนี้ว่า เราเองก็เป็นทายก เป็นทานบดี เป็นผู้กล่าวชม
คุณแห่งทาน เมื่อมีผู้พูดว่า พวกหม่อมฉันจะให้ทาน เราจะว่าอะไรได้ ข้าพระองค์
จึงมอบประตูด้านที่ 2 ให้แก่พวกกษัตริย์ไป พวกกษัตริย์ก็พากันให้ทานที่ประตูนั้น
ทานของข้าพระองค์จึงลดไป
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้นต่อมาพวกพลกาย(ข้าราชการฝ่ายทหาร) เข้าไป
หาข้าพระองค์ได้กล่าวดังนี้ว่า พระองค์ก็ทรงให้ทาน พวกฝ่ายในก็ให้ทาน พวก
กษัตริย์ก็ทรงให้ทาน พวกหม่อมฉันมิได้ให้ทาน เป็นการชอบที่พวกหม่อมฉันจะได้
อาศัยใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ทานและทำบุญบ้าง ข้าพระองค์ได้มีความคิด
ดังนี้ว่า เราเองก็เป็นทายก เป็นทานบดี เป็นผู้กล่าวชมคุณแห่งทาน เมื่อมีผู้พูดว่า
พวกหม่อมฉันจะให้ทาน เราจะว่าอะไรได้ ข้าพระองค์จึงมอบประตูด้านที่ 3 ให้พวก
พลกายไป พวกพลกายก็พากันให้ทานที่ประตูนั้น ทานของข้าพระองค์จึงลดไป
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้นต่อมามีพวกพราหมณคหบดีเข้าไปหาข้าพระองค์
ได้กล่าวดังนี้ว่า พระองค์ก็ทรงให้ทาน พวกฝ่ายในก็ให้ทาน พวกกษัตริย์ก็ทรง
ให้ทาน พวกพลกายก็ให้ทาน แต่พวกหม่อมฉันมิได้ให้ทาน เป็นการชอบที่พวก
หม่อมฉันจะได้อาศัยใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ทานและทำบุญบ้าง ข้าพระองค์
ได้มีความคิดดังนี้ว่า เราเองก็เป็นทายก เป็นทานบดี เป็นผู้กล่าวชมคุณแห่งทาน
เมื่อมีผู้พูดว่า พวกหม่อมฉันจะให้ทาน เราจะว่าอะไรได้ ข้าพระองค์จึงมอบประตู
ด้านที่ 4 ให้พวกพราหมณคหบดีไป พวกพราหมณคหบดีก็พากันให้ทานที่ประตูนั้น
ทานของข้าพระองค์จึงลดไป
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกบุรุษทั้งหลายต่างพากันไปหาข้าพระองค์ ได้กล่าว
ดังนี้ว่า บัดนี้พระองค์จะไม่ทรงให้ทานในที่ไหน ๆ อีกหรือ เมื่อเขากล่าวอย่างนี้
ข้าพระองค์ได้กล่าวกับบุรุษเหล่านั้นดังนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ในชนบท
ภายนอก ที่ใดมีรายได้ดีเกิดขึ้น พวกท่านจงรวบรวมส่งเข้าไปในวังกึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่ง
พวกท่านจงให้ทานแก่สมณพราหมณ์ คนกำพร้า คนเดินทางไกล วณิพก และยาจก
ทั้งหลายในชนบทนั้นเถิด ข้าพระองค์จึงยังไม่ถึงที่สุดแห่งบุญที่ได้ทำไว้ตลอดกาลนาน
อย่างนี้ (ที่สุด)แห่งกุศลธรรมที่ได้ทำไว้ตลอดกาลนานอย่างนี้ว่า บุญเท่านี้(พอแล้ว)
ว่า ผลของบุญเท่านี้(พอแล้ว) หรือว่า บุญเท่านี้(พอแล้ว)ที่เราพึงดำรงอยู่ในสวรรค์