พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ [5. สฬายตนวรรค]
9. ปิณฑปาตปาริสุทธิสูตร
[442] อีกประการหนึ่ง ภิกษุพึงพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เรากำหนดรู้
อุปาทานขันธ์ 5 ได้แล้วหรือหนอ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เรายังกำหนดรู้
อุปาทานขันธ์ 5 ไม่ได้ ภิกษุนั้นพึงพยายามเพื่อกำหนดรู้อุปาทานขันธ์ 5
แต่ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เรากำหนดรู้อุปาทานขันธ์ 5 ได้แล้ว
ภิกษุนั้นพึงตามศึกษาในกุศลธรรมทั้งหลายทั้งกลางวันและกลางคืน อยู่ด้วยปีติและ
ปราโมทย์นั้นแล
[443] อีกประการหนึ่ง ภิกษุพึงพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเจริญสติปัฏฐาน 4
ได้แล้วหรือหนอ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เรายังเจริญสติปัฏฐาน 4 ไม่ได้
ภิกษุนั้นพึงพยายามเพื่อเจริญสติปัฏฐาน 4
แต่ถ้าภิกษุนั้นพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราเจริญสติปัฏฐาน 4 ได้แล้ว
ภิกษุนั้นพึงตามศึกษาในกุศลธรรมทั้งหลายทั้งกลางวันและกลางคืน อยู่ด้วยปีติและ
ปราโมทย์นั้นแล
[444] อีกประการหนึ่ง ภิกษุพึงพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเจริญสัมมัปปธาน 4
ได้แล้วหรือหนอ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เรายังเจริญสัมมัปปธาน 4 ไม่ได้
ภิกษุนั้นพึงพยายามเพื่อเจริญสัมมัปปธาน 4
แต่ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราเจริญสัมมัปปธาน 4 ได้แล้ว ภิกษุ
นั้นพึงตามศึกษาในกุศลธรรมทั้งหลายทั้งกลางวันและกลางคืน อยู่ด้วยปีติและ
ปราโมทย์นั้นแล
[445] อีกประการหนึ่ง ภิกษุพึงพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเจริญอิทธิบาท 4
ได้แล้วหรือหนอ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เรายังเจริญอิทธิบาท 4 ไม่ได้
ภิกษุนั้นพึงพยายามเพื่อเจริญอิทธิบาท 4
แต่ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราเจริญอิทธิบาท 4 ได้แล้ว ภิกษุนั้น
พึงตามศึกษาในกุศลธรรมทั้งหลายทั้งกลางวันและกลางคืน อยู่ด้วยปีติและ
ปราโมทย์นั้นแล