เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ [2. อนุปทวรรค] 8. อานาปานัสสติสูตร

พร่ำสอนภิกษุ 20 รูปบ้าง บางพวกสั่งสอน พร่ำสอนภิกษุ 30 รูปบ้าง
บางพวกสั่งสอน พร่ำสอนภิกษุ 40 รูปบ้าง ฝ่ายภิกษุใหม่เหล่านั้น ผู้อันภิกษุ
ผู้เป็นเถระสั่งสอน พร่ำสอนอยู่ ย่อมรู้ชัดธรรมวิเศษอย่างกว้างขวางกว่าที่ตนรู้
มาก่อน
[145] ก็สมัยนั้น ในวันอุโบสถขึ้น 15 ค่ำ คืนดวงจันทร์เต็มดวง ใน
วันปวารณา พระผู้มีพระภาคทรงมีภิกษุสงฆ์แวดล้อม ประทับนั่ง ณ ที่กลางแจ้ง
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงตรวจดูภิกษุสงฆ์ ซึ่งนิ่งเงียบอยู่ จึงได้รับสั่งเรียก
ภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย เรายินดีปฏิปทานี้ เรามีใจยินดีปฏิปทานี้ เพราะเหตุนั้น
เธอทั้งหลายในธรรมวินัยนี้จงปรารภความเพียร1เพื่อถึงธรรมที่ตนยังไม่ถึง2 เพื่อ
บรรลุธรรมที่ตนยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ตนยังไม่ทำให้แจ้งให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปเถิด
เราจักรออยู่ในกรุงสาวัตถีนี้แหละ จนถึงวันครบ 4 เดือนแห่งฤดูฝน อันเป็น
เดือนที่มีดอกโกมุท”
ภิกษุชาวชนบทได้ฟังข่าวว่า “ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคจักทรงรออยู่ใน
กรุงสาวัตถีนั้น จนถึงวันครบ 4 เดือนแห่งฤดูฝน อันเป็นเดือนที่มีดอกโกมุท”
จึงพากันหลั่งไหลมายังกรุงสาวัตถี เพื่อเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ฝ่ายภิกษุผู้เป็นเถระเหล่านั้นก็พากันสั่งสอน พร่ำสอนภิกษุใหม่เพิ่มประมาณ
มากขึ้น คือ ภิกษุผู้เป็นเถระบางพวกสั่งสอน พร่ำสอนภิกษุ 10 รูปบ้าง


พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ [2. อนุปทวรรค] 8. อานาปานัสสติสูตร

บางพวกสั่งสอน พร่ำสอนภิกษุ 20 รูปบ้าง บางพวกสั่งสอน พร่ำสอนภิกษุ
30 รูปบ้าง บางพวกสั่งสอน พร่ำสอนภิกษุ 40 รูปบ้าง และภิกษุใหม่เหล่านั้น
ผู้อันภิกษุผู้เป็นเถระสั่งสอน พร่ำสอนอยู่ ย่อมรู้ชัดธรรมวิเศษอย่างกว้างขวางกว่า
ที่ตนรู้มาก่อน
[146] ก็สมัยนั้น ในวันอุโบสถขึ้น 15 ค่ำ คืนดวงจันทร์เต็มดวง อันเป็น
วันครบ 4 เดือนแห่งฤดูฝน เป็นเดือนที่มีดอกโกมุท พระผู้มีพระภาคทรงมีภิกษุ
สงฆ์แวดล้อม ประทับนั่ง ณ ที่กลางแจ้ง ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงตรวจดู
ภิกษุสงฆ์ ซึ่งนิ่งเงียบอยู่ จึงได้รับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย บริษัทนี้ไม่สนทนากัน บริษัทนี้เงียบเสียงสนทนากัน ดำรง
อยู่ในสารธรรมอันบริสุทธิ์ ภิกษุสงฆ์บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัทที่ควรแก่ของ
ที่เขานำมาถวาย ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่ทักษิณาทาน ควรแก่การทำอัญชลี
เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของโลก ภิกษุสงฆ์นี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัทที่เขา
ถวายของน้อยแต่มีผลมาก และถวายของมากก็ยิ่งมีผลมากขึ้น ภิกษุสงฆ์นี้เป็นเช่น
เดียวกันกับบริษัทที่ชาวโลกยากจะได้พบเห็น ภิกษุสงฆ์นี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัท
ที่แม้คนผู้เอาเสบียงคล้องบ่าควรเดินทางไปเป็นโยชน์ ๆ เพื่อพบเห็น
[147] ภิกษุทั้งหลาย ในภิกษุสงฆ์นี้ มีภิกษุผู้เป็นอรหันตขีณาสพ อยู่จบ
พรหมจรรย์แล้ว1 ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระได้แล้ว บรรลุประโยชน์ตน
โดยลำดับแล้ว สิ้นภวสังโยชน์แล้ว2 หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ในภิกษุสงฆ์นี้
ก็มีภิกษุแม้เช่นนั้นอยู่
ในภิกษุสงฆ์นี้ มีภิกษุผู้เป็นอนาคามี เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสังโยชน์3 5 จะ
เกิดเป็นโอปปาติกะ4 จะปรินิพพานในโลกนั้น ๆ ไม่กลับมาจากโลกนั้นอีกเป็นธรรมดา
ในภิกษุสงฆ์นี้ก็มีภิกษุแม้เช่นนั้นอยู่