เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [5. พราหมณวรรค] 10. สังคารวสูตร

[485] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว สังคารวมาณพได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคว่า “ความเพียรอันไม่ย่อหย่อนได้มีแล้วแก่ท่านพระโคดมหนอ
ความเพียรของสัตบุรุษได้มีแล้วแก่ท่านพระโคดมหนอ ท่านพระโคดมสมควรเป็น
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านพระโคดม เทวดามีหรือหนอ”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภารทวาชะ ข้อที่ว่าเทวดามีนั้น รู้ได้โดยฐานะ”
สังคารวมาณพกราบทูลว่า “ท่านพระโคดม เมื่อข้าพระองค์ทูลถามว่า ‘เทวดา
มีหรือหนอ’ พระองค์ก็ตรัสตอบว่า ‘ภารทวาชะ ข้อที่ว่าเทวดามีนั้น รู้ได้โดยฐานะ’
เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้อยคำของพระองค์เป็นถ้อยคำเปล่า เป็นมุสา มิใช่หรือ”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภารทวาชะ ผู้ใดเมื่อถูกถามว่า ‘เทวดามีอยู่หรือ’
จะพึงตอบว่า ‘ข้อที่ว่าเทวดามีอยู่นั้น รู้กันได้โดยฐานะ’ ผู้นั้นก็เท่ากับกล่าวว่า
‘เรารู้จักเทวดา’ เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านผู้รู้ก็เข้าใจในเรื่องนี้ได้ว่า ‘เทวดามีอยู่’
โดยแน่แท้”
สังคารวมาณพทูลถามว่า “ทำไม ท่านพระโคดมจึงไม่ทรงตอบแก่ข้าพระองค์
เสียแต่แรกเล่า”
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ภารทวาชะ ข้อที่ว่าเทวดามีอยู่นั้น เขาสมมติกัน
ในโลก ด้วยคำศัพท์ที่สูง”

สังคารวมาณพแสดงตนเป็นอุบาสก

[486] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว สังคารวมาณพได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคว่า
“ข้าแต่ท่านพระโคดม พระภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก ข้าแต่
ท่านพระโคดม พระภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก พระองค์ทรงประกาศ
ธรรมแจ่มแจ้งโดยประการต่าง ๆ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 13 หน้า :613 }