พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [5. พราหมณวรรค] 3. อัสสลายนสูตร
พราหมณ์ฤาษีทั้ง 7 ตน ตอบว่า จริง ท่านผู้เจริญ
อสิตเทวลฤาษีถามว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลายรู้หรือว่า มารดาบังเกิดเกล้าได้แต่งงาน
กับพราหมณ์เท่านั้น มิได้แต่งงานกับชายผู้มิใช่พราหมณ์เลย
ไม่รู้เลย ท่านผู้เจริญ
ท่านผู้เจริญทั้งหลายรู้หรือว่า มารดาของมารดาบังเกิดเกล้าตลอด 7 ชั่วโคตร
ชั่วย่ายายของฝ่ายมารดา ได้แต่งงานกับพราหมณ์เท่านั้น ไม่ได้แต่งงานกับชายผู้มิใช่
พราหมณ์เลย
ไม่รู้เลย ท่านผู้เจริญ
ท่านผู้เจริญทั้งหลายรู้หรือว่า บิดาบังเกิดเกล้าได้แต่งงานกับนางพราหมณี
เท่านั้น ไม่ได้แต่งงานกับหญิงผู้มิใช่นางพราหมณีเลย
ไม่รู้เลย ท่านผู้เจริญ
ท่านผู้เจริญทั้งหลายรู้หรือว่า บิดาของบิดาบังเกิดเกล้าตลอด 7 ชั่วโคตร
ชั่วปู่ตาของฝ่ายบิดา ได้แต่งงานกับนางพราหมณีเท่านั้น ไม่ได้แต่งงานกับหญิงผู้
มิใช่นางพราหมณีเลย
ไม่รู้เลย ท่านผู้เจริญ
ท่านผู้เจริญทั้งหลายรู้หรือว่า การถือกำเนิดในครรภ์มีได้ด้วยอาการอย่างไร
ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้ว่า การถือกำเนิดในครรภ์ย่อมมีได้ คือ
1. มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน
2. มารดามีระดู
3. คันธัพพะ1ปรากฏ ฉันใด
เพราะปัจจัย 3 ประการนี้ ประชุมพร้อมกัน การถือกำเนิดในครรภ์ ย่อมมีได้
ฉันนั้น
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [5. พราหมณวรรค] 4. โฆฏมุขสูตร
ท่านผู้เจริญทั้งหลายรู้หรือว่า เอาเถิด สัตว์ที่เกิดในครรภ์พึงเป็นกษัตริย์
เป็นพราหมณ์ เป็นแพศย์ หรือเป็นศูทร
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ไม่รู้เลย ท่านผู้เจริญ
อสิตเทวลฤาษีถามว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านผู้เจริญทั้งหลายรู้หรือว่า ท่าน
ทั้งหลายเป็นพวกไหน
พราหมณ์ฤาษีทั้ง 7 ตนตอบว่า ท่านผู้เจริญ เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้า
ทั้งหลายไม่รู้เลยว่า ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพวกไหน
อัสสลายนะ พราหมณ์ฤาษี 7 ตนนั้น ถูกอสิตเทวลฤาษีซักไซร้ ไล่เลียง ไต่ถาม
ในวาทะปรารภชาติกำเนิดของตนก็ตอบไม่ได้ บัดนี้ ท่านถูกเราซักไซร้ ไล่เลียง ไต่ถาม
ในวาทะปรารภชาติกำเนิดของตน จะตอบได้อย่างไร ท่านเป็นศิษย์มีอาจารย์แต่ยังรู้
ไม่หมด เป็นแต่ถือทัพพีเท่านั้น
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว อัสสลายนมาณพได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค
ว่า ข้าแต่ท่านพระโคดม พระภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก ฯลฯ ขอท่าน
พระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจน
ตลอดชีวิต ดังนี้แล
อัสสลายนสูตรที่ 3 จบ
4. โฆฏมุขสูตร
ว่าด้วยพราหมณ์ชื่อโฆฏมุขะ
[412] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง ท่านพระอุเทนอยู่ ณ เขมิยอัมพวัน เขตกรุงพาราณสี สมัยนั้น
พราหมณ์ชื่อโฆฏมุขะได้ไปกรุงพาราณสี ด้วยกรณียกิจบางอย่าง ครั้งนั้นแล โฆฏมุข-
พราหมณ์ เดินเที่ยวเล่นอยู่ ได้เข้าไปยังเขมิยอัมพวัน สมัยนั้น ท่านพระอุเทนเดิน
จงกรมอยู่ในที่กลางแจ้ง โฆฏมุขพราหมณ์เข้าไปหาท่านพระอุเทนถึงที่อยู่ ได้สนทนา
ปราศรัยพอเป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้ว เดินจงกรมตามท่านพระอุเทน