พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [4. ราชวรรค] 10. กัณณกัตถลสูตร
ชนเหล่านั้นไม่ชื่อว่าพูดตรงตามที่อาตมภาพกล่าวแล้ว ชื่อว่ากล่าวตู่อาตมภาพด้วย
คำเท็จ ขอถวายพระพร
[378] ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงรับสั่งเรียกเสนาบดีชื่อวิฑูฑภะมา
ตรัสว่า เสนาบดี ใครหนอกล่าวเรื่องนี้ภายในพระราชวัง
วิฑูฑภเสนาบดีกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช พราหมณ์ชื่อสัญชัย อากาสโคตร
กล่าว พระเจ้าข้า
จากนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลรับสั่งเรียกบุรุษคนหนึ่งมาตรัสว่า มาเถิด
พ่อยอดชาย เธอจงไปเชิญพราหมณ์สัญชัย อากาสโคตรตามคำของเราว่า ท่านผู้เจริญ
พระเจ้าปเสนทิโกศลรับสั่งเรียกท่าน
บุรุษนั้นทูลรับสนองพระราชดำรัสแล้วได้เข้าไปหาพราหมณ์สัญชัย อากาสโคตร
ถึงที่อยู่ แล้วกล่าวกับพราหมณ์สัญชัย อากาสโคตรว่า ท่านผู้เจริญ พระเจ้า
ปเสนทิโกศลตรัสเรียกท่าน
จากนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ พระดำรัสอย่างหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคทรงหมายเอาเนื้อความบางอย่าง
ตรัสไว้ แต่คนกลับเข้าใจพระดำรัสไปอีกอย่างหนึ่ง มีบ้างไหม พระผู้มีพระภาค
ยังทรงจำพระดำรัสที่ตรัสแล้วได้อยู่หรือ พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า มหาบพิตร อาตมภาพจำคำที่กล่าวแล้วได้ดี
คือคำที่กล่าวไว้แล้วอย่างนี้ว่า ไม่มีสมณะหรือพราหมณ์ผู้รู้ มีปกติเห็นธรรมทั้งปวง
ในคราวเดียวกัน เหตุนี้เป็นไปไม่ได้
พระเจ้าปเสนทิโกศลกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาค
ได้ตรัสสภาพที่เป็นเหตุ ทั้งยังตรัสสภาพที่เป็นผลว่า ไม่มีสมณะหรือพราหมณ์ผู้รู้
มีปกติเห็นธรรมทั้งปวง ในคราวเดียวกัน เหตุนี้เป็นไปไม่ได้