เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [3. ปริพพาชกวรรค]
7. มหาสกุลุทายิสูตร

เราสรรเสริญ(เรา) ในอธิศีลว่า ‘พระสมณโคดมเป็นผู้มีศีล ประกอบ
ด้วยสีลขันธ์อย่างยิ่ง’ นี้แล เป็นธรรมประการที่ 1 ซึ่งเป็นเหตุให้
สาวกทั้งหลายของเราสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเรา นอกจาก
สักการะ เคารพแล้วก็ยังอาศัยเราอยู่
[244] 2. สาวกทั้งหลายของเราย่อมสรรเสริญ(เรา) ในญาณทัสสนะ1อันยอด
เยี่ยมว่า ‘พระสมณโคดมเมื่อทรงรู้เองก็ตรัสว่า ‘เรารู้’ เมื่อทรงเห็น
เองก็ตรัสว่า ‘เราเห็น’ ทรงแสดงธรรมเพื่อความรู้ยิ่ง มิใช่ทรงแสดง
เพื่อความไม่รู้ยิ่ง ทรงแสดงธรรมมีเหตุ มิใช่ทรงแสดงธรรมไม่มีเหตุ
ทรงแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ มิใช่ทรงแสดงธรรมไม่มีปาฏิหาริย์’ การที่
สาวกทั้งหลายของเราสรรเสริญ(เรา)ในญาณทัสสนะอันยอดเยี่ยม
ว่า ‘พระสมณโคดมเมื่อทรงรู้เองก็ตรัสว่า ‘เรารู้’ เมื่อทรงเห็นเองก็
ตรัสว่า ‘เราเห็น’ ทรงแสดงธรรมเพื่อความรู้ยิ่ง มิใช่ทรงแสดงเพื่อ
ความไม่รู้ยิ่ง ทรงแสดงธรรมมีเหตุ มิใช่ทรงแสดงธรรมไม่มีเหตุ
ทรงแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ มิใช่ทรงแสดงธรรมไม่มีปาฏิหาริย์’ นี้แล
เป็นธรรมประการที่ 2 ซึ่งเป็นเหตุให้สาวกทั้งหลายของเราสักการะ
เคารพ นับถือ บูชาเรา นอกจากสักการะ เคารพแล้วก็ยังอาศัย
เราอยู่
[245] 3. สาวกทั้งหลายของเราย่อมสรรเสริญ(เรา)ในอธิปัญญา2ว่า ‘พระสมณ-
โคดมทรงมีพระปัญญา ทรงประกอบด้วยพระปัญญาขันธ์อันยิ่ง
เป็นไปไม่ได้เลยที่พระสมณโคดมจักไม่ทรงเล็งเห็นถ้อยคำที่ยังไม่มาถึง
หรือจักไม่ทรงข่มคำโต้เถียงของฝ่ายอื่นที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เป็นการ
ถูกต้อง มีเหตุผลดี’ ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร มีบ้างไหม
ที่สาวกทั้งหลายของเรา เมื่อรู้ เห็นอย่างนี้ จะพึงพูดสอดขึ้นมา”
“ไม่มี พระพุทธเจ้าข้า”