พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [2. ภิกขุวรรค] 10. กีฏาคิริสูตร
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าศรัทธาไม่มี การเข้าไปหา การนั่งใกล้ การเงี่ยโสตลงสดับ
การฟังธรรม การทรงจำธรรม การพิจารณาเนื้อความ ความเพ่งพินิจธรรม ฉันทะ
อุตสาหะ การไตร่ตรอง และการอุทิศกายและใจก็ไม่มี เธอทั้งหลายเป็นผู้ปฏิบัติพลาด
เป็นผู้ปฏิบัติผิด โมฆบุรุษเหล่านี้ได้ก้าวออกไปจากธรรมวินัยนี้ไกลเท่าไร
[184] ภิกษุทั้งหลาย คำอธิบายสัจจะ 4 ประการมีอยู่ เมื่อยกคำอธิบาย
ดังกล่าวขึ้นมาแสดง วิญญูชนพึงเข้าใจเนื้อความได้ด้วยปัญญาในไม่ช้า เราจักแสดง
แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจักเข้าใจถึงเนื้อความได้
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นคน
เช่นไร และผู้เข้าใจถึงธรรมได้ เป็นคนเช่นไร
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ศาสดาใดเป็นผู้หนักในอามิส รับแต่
อามิสอยู่ ข้องอยู่ด้วยอามิส แม้ศาสดานั้นก็ยังไม่ต่อรองเลยว่า เมื่อสิ่งเช่นนี้พึง
มีแก่เรา เราพึงทำสิ่งนั้น เมื่อสิ่งเช่นนี้ไม่พึงมีแก่เรา เราก็ไม่พึงทำสิ่งนั้น ตถาคต
ไม่ข้องอยู่ด้วยอามิสโดยประการทั้งปวงจะสมควรกับการต่อรองหรือ สาวกผู้มีศรัทธา
ผู้ทำตามคำสั่งสอนของศาสดา ย่อมมีหลักปฏิบัติว่า พระผู้มีพระภาคเป็นศาสดา
เราเป็นสาวก พระผู้มีพระภาคทรงรู้ เราไม่รู้
คำสอนของศาสดาย่อมงอกงามมีโอชาแก่สาวกผู้มีศรัทธา ผู้ทำตามคำสั่งสอน
ของศาสดา
สาวกผู้มีศรัทธา ผู้ทำตามคำสั่งสอนของศาสดา ย่อมมีหลักปฏิบัติว่า
หนัง เอ็น และกระดูกจงเหือดแห้งไปเถิด เนื้อและเลือดในสรีระของเรา จงเหือดแห้ง
ไปก็ตามที เมื่อเรายังไม่บรรลุผลที่พึงบรรลุด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ ด้วยความเพียรของ
บุรุษด้วยความบากบั่นของบุรุษแล้ว จักไม่หยุดความเพียรนั้น1
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [2. ภิกขุวรรค] รวมพระสูตรที่มีในวรรค
ภิกษุทั้งหลาย สาวกผู้มีศรัทธา ผู้ทำตามคำสั่งสอนของศาสดา จะพึงหวังได้
ผลอย่าง 1 ใน 2 อย่าง คือ (1) อรหัตตผลในปัจจุบัน (2) เมื่อมีอุปาทานเหลืออยู่
ก็จะเป็นอนาคามี
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นมีใจยินดีต่างชื่นชมพระภาษิต
ของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล
กีฏาคิริสูตรที่ 10 จบ
ภิกขุวรรคที่ 2 จบ
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
1. จูฬราหุโลวาทสูตร 2. มหาราหุโลวาทสูตร
3. จูฬมาลุงกยสูตร 4. มหามาลุงกยสูตร
5. ภัททาลิสูตร 6. ลฏุกิโกปมสูตร
7. จาตุมสูตร 8. นฬกปานสูตร
9. โคลิสสานิสูตร 10. กีฏาคิริสูตร