เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [5. จูฬยมกวรรค]
6. มหาธัมมสมาทานสูตร

การสมาทานธรรมที่มีทุกข์และมีทุกข์เป็นวิบาก

[478] การสมาทานธรรมที่มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีทุกข์เป็นวิบากในอนาคต
เป็นอย่างไร
คือ บุคคลบางคนในโลกนี้มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนฆ่าสัตว์ และ
เพราะการฆ่าสัตว์เป็นปัจจัย เขาจึงเสวยทุกข์โทมนัส
มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนลักทรัพย์ และเพราะการลักทรัพย์เป็น
ปัจจัย เขาจึงเสวยทุกข์โทมนัส
มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนประพฤติผิดในกาม และเพราะการ
ประพฤติผิดในกามเป็นปัจจัย เขาจึงเสวยทุกข์โทมนัส
มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนพูดเท็จ และเพราะการพูดเท็จเป็นปัจจัย
เขาจึงเสวยทุกข์โทมนัส
มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนพูดส่อเสียด และเพราะการพูดส่อเสียด
เป็นปัจจัย เขาจึงเสวยทุกข์โทมนัส
มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนพูดคำหยาบ และเพราะการพูด
คำหยาบเป็นปัจจัย เขาจึงเสวยทุกข์โทมนัส
มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนพูดเพ้อเจ้อ และเพราะการพูดเพ้อเจ้อ
เป็นปัจจัย เขาจึงเสวยทุกข์โทมนัส
มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนเพ่งเล็งอยากได้สิ่งของของผู้อื่นมาก
และเพราะการเพ่งเล็งอยากได้สิ่งของของผู้อื่นมากเป็นปัจจัย เขาจึงเสวยทุกข์โทมนัส
มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนมีจิตปองร้ายผู้อื่น และเพราะการมีจิต
ปองร้ายผู้อื่นเป็นปัจจัย เขาจึงเสวยทุกข์โทมนัส
มีทุกข์บ้าง มีโทมนัสบ้าง จึงเป็นคนมีความเห็นผิด และเพราะความเห็นผิด
เป็นปัจจัย เขาจึงเสวยทุกข์โทมนัส

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :519 }


พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [5. จูฬยมกวรรค]
6. มหาธัมมสมาทานสูตร

หลังจากตายแล้ว เขาย่อมไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ภิกษุทั้งหลาย การสมาทานธรรมนี้เรากล่าวว่า มีทุกข์ในปัจจุบันและมีทุกข์
เป็นวิบากในอนาคต (1)

การสมาทานธรรมที่มีสุขแต่มีทุกข์เป็นวิบาก

[479] การสมาทานธรรมที่มีสุขในปัจจุบัน แต่มีทุกข์เป็นวิบากในอนาคต
เป็นอย่างไร
คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นคนฆ่าสัตว์ และ
เพราะการฆ่าสัตว์เป็นปัจจัย เขาจึงเสวยสุขโสมนัส
มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นคนลักทรัพย์ และเพราะการลักทรัพย์เป็นปัจจัย
เขาจึงเสวยสุขโสมนัส
มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นคนประพฤติผิดในกาม และเพราะการ
ประพฤติผิดในกามเป็นปัจจัย เขาจึงเสวยสุขโสมนัส
มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นคนพูดเท็จ และเพราะการพูดเท็จเป็นปัจจัย
เขาจึงเสวยสุขโสมนัส
มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นคนพูดส่อเสียด และเพราะการพูดส่อเสียด
เป็นปัจจัย เขาจึงเสวยสุขโสมนัส
มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นคนพูดคำหยาบ และเพราะการพูดคำหยาบ
เป็นปัจจัย เขาจึงเสวยสุขโสมนัส
มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นคนพูดเพ้อเจ้อ และเพราะการพูดเพ้อเจ้อ
เป็นปัจจัย เขาจึงเสวยสุขโสมนัส
มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นคนเพ่งเล็งอยากได้สิ่งของของผู้อื่นมาก และ
เพราะการเพ่งเล็งอยากได้สิ่งของของผู้อื่นมากเป็นปัจจัย เขาจึงเสวยสุขโสมนัส
มีสุขบ้าง มีโสมนัสบ้าง จึงเป็นคนมีจิตปองร้ายผู้อื่น และเพราะการมีจิต
ปองร้ายผู้อื่นเป็นปัจจัย เขาจึงเสวยสุขโสมนัส

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :520 }