พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [5. จูฬยมกวรรค] 3. มหาเวทัลลสูตร
"ท่านผู้มีอายุ พระโยคาวจรผู้มีมโนวิญญาณอันบริสุทธิ์สละแล้วจากอินทรีย์ 5
พึงรู้อากาสานัญจายตนฌานว่า 'อากาศหาที่สุดมิได้' พึงรู้วิญญาณัญจายตนฌานว่า
'วิญญาณหาที่สุดมิได้' พึงรู้อากิญจัญญายตนฌานว่า 'ไม่มีอะไร"1
"พระโยคาวจรย่อมรู้ธรรมที่ตนจะพึงรู้ด้วยอะไร"
"พระโยคาวจรย่อมรู้ธรรมที่ตนจะพึงรู้ด้วยปัญญาจักษุ"2
"ปัญญามีไว้เพื่ออะไร"
"ปัญญามีไว้เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อการกำหนดรู้ และเพื่อการละ"
ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ
[452] "ท่านผู้มีอายุ ปัจจัยให้เกิดสัมมาทิฏฐิมีเท่าไร"
"ท่านผู้มีอายุ ปัจจัยให้เกิดสัมมาทิฏฐิมี 2 ประการ คือ
1. ปรโตโฆสะ3(การได้สดับจากบุคคลอื่น)
2. โยนิโสมนสิการ4(การมนสิการโดยแยบคาย)
ปัจจัยให้เกิดสัมมาทิฏฐิมี 2 ประการนี้แล"
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [5. จูฬยมกวรรค] 3. มหาเวทัลลสูตร
"สัมมาทิฏฐิ1ซึ่งมีเจโตวิมุตติเป็นผล และมีเจโตวิมุตติเป็นผลานิสงส์ มีปัญญา-
วิมุตติเป็นผล และมีปัญญาวิมุตติเป็นผลานิสงส์ เพราะมีองค์ธรรมเท่าไรสนับสนุน"
"สัมมาทิฏฐิซึ่งมีเจโตวิมุตติเป็นผล และมีเจโตวิมุตติเป็นผลานิสงส์ มีปัญญา-
วิมุตติเป็นผล และมีปัญญาวิมุตติเป็นผลานิสงส์ เพราะมีองค์ธรรม 5 ประการ
สนับสนุน คือ
1. มีศีล2สนับสนุน
2. มีสุตะ3สนับสนุน
3. มีสากัจฉา4สนับสนุน
4. มีสมถะ5สนับสนุน
5. มีวิปัสสนา6สนับสนุน
สัมมาทิฏฐิซึ่งมีเจโตวิมุตติเป็นผล และมีปัญญาวิมุตติเป็นผลานิสงส์ มีปัญญา-
วิมุตติเป็นผล และมีปัญญาวิมุตติเป็นผลานิสงส์ เพราะมีองค์ธรรม 5 ประการ
นี้แลสนับสนุน"