เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [1. มูลปริยายวรรค] 5. อนังคณสูตร

2. บุคคลบางคนเป็นผู้มีกิเลสเพียงดังเนินและรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า
'เรามีกิเลสเพียงดังเนินภายในตน'
3. บุคคลบางคนเป็นผู้ไม่มีกิเลสเพียงดังเนินแต่ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง
ว่า 'เราไม่มีกิเลสเพียงดังเนินภายในตน'
4. บุคคลบางคนเป็นผู้ไม่มีกิเลสเพียงดังเนินและรู้ชัดตามความเป็นจริง
ว่า 'เราไม่มีกิเลสเพียงดังเนินภายในตน'
บรรดาบุคคล 4 ประเภทนั้น บุคคลใดเป็นผู้มีกิเลสเพียงดังเนินแต่ไม่รู้ชัดตาม
ความเป็นจริงว่า 'เรามีกิเลสเพียงดังเนินภายในตน' บรรดาบุคคล 2 ประเภท
ที่มีกิเลสเพียงดังเนินเหมือนกันนี้ บุคคลนี้บัณฑิตกล่าวว่า 'เป็นบุรุษต่ำทราม'
บรรดาบุคคล 4 ประเภทนั้น บุคคลใดเป็นผู้มีกิเลสเพียงดังเนินและรู้ชัดตาม
ความเป็นจริงว่า 'เรามีกิเลสเพียงดังเนินภายในตน' บรรดาบุคคล 2 ประเภท
ที่มีกิเลสเพียงดังเนินเหมือนกันนี้ บุคคลนี้บัณฑิตกล่าวว่า 'เป็นบุรุษประเสริฐ'
บรรดาบุคคล 4 ประเภทนั้น บุคคลใดเป็นผู้ไม่มีกิเลสเพียงดังเนินแต่ไม่รู้ชัด
ตามความเป็นจริงว่า 'เราไม่มีกิเลสเพียงดังเนินภายในตน' บรรดาบุคคล 2 ประเภท
ที่มีกิเลสเพียงดังเนินเหมือนกันนี้ บุคคลนี้บัณฑิตกล่าวว่า 'เป็นบุรุษต่ำทราม'
บรรดาบุคคล 4 ประเภทนั้น บุคคลใดเป็นผู้ไม่มีกิเลสเพียงดังเนินและรู้ชัดตาม
ความเป็นจริงว่า 'เราไม่มีกิเลสเพียงดังเนินภายในตน' บรรดาบุคคล 2 ประเภท
ที่ไม่มีกิเลสเพียงดังเนินเหมือนกันนี้ บุคคลนี้บัณฑิตกล่าวว่า 'เป็นบุรุษประเสริฐ'
[58] เมื่อท่านพระสารีบุตรกล่าวอย่างนั้นแล้ว ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้
ถามท่านพระสารีบุตรอย่างนี้ว่า "ท่านสารีบุตร อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยที่
บรรดาบุคคล 2 ประเภทผู้มีกิเลสเพียงดังเนินเหมือนกันนี้ บุคคลหนึ่งบัณฑิต
กล่าวว่า 'เป็นบุรุษต่ำทราม' แต่อีกบุคคลหนึ่งบัณฑิตกล่าวว่า 'เป็นบุรุษประเสริฐ'
และอะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยที่บรรดาบุคคล 2 ประเภทผู้ไม่มีกิเลสเพียงดัง
เนินเหมือนกันนี้ บุคคลหนึ่งบัณฑิตกล่าวว่า 'เป็นบุรุษต่ำทราม' แต่อีกบุคคลหนึ่ง
บัณฑิตกล่าวว่า 'เป็นบุรุษประเสริฐ"

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :45 }