เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [4. มหายมกวรรค] 8. มหาตัณหาสัขยสูตร

"เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ ในเรื่องนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความ
เห็นเป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้าข้า"
"ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า 'เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ' เพราะสังขารดับ
วิญญาณจึงดับใช่หรือไม่ หรือว่าในเรื่องนี้ เป็นอย่างไร"
"เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ในเรื่องนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความเห็น
เป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้าข้า"
"ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า 'เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ' ภิกษุทั้งหลาย
เพราะอวิชชาดับสังขารจึงดับใช่หรือไม่ หรือว่าในเรื่องนี้ เป็นอย่างไร"
"เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ ในเรื่องนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความเห็น
เป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้าข้า"
[406] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่กล่าวนั้นถูกต้องแล้ว
เธอทั้งหลายกล่าวอย่างนี้ แม้เราก็กล่าวอย่างนี้ เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะ
สิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ คือ

เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ
เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ
เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ
เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ
เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ
เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ
เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ
เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส
จึงดับ

ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีได้อย่างนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :441 }


พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [4. มหายมกวรรค] 8. มหาตัณหาสัขยสูตร

พระธรรมคุณ

[407] "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้จะพึงกลับระลึกถึง1ขันธ์
ธาตุ อายตนะ ในอดีตกาลว่า 'ในอดีตกาลยาวนาน เราได้มีแล้วหรือ หรือมิได้มี
แล้วหนอ เราได้เป็นอะไรมาหนอ เราได้เป็นอย่างไรมาหนอ เราได้เป็นอะไรแล้วจึง
มาเป็นอะไรอีกหนอ' บ้างหรือไม่"
"ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า"
"เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้จะพึงกลับระลึกถึงขันธ์ ธาตุ อายตนะในอนาคต
ว่า 'ในอนาคตกาลยาวนาน เราจักมีหรือ หรือจักไม่มีหนอ เราจักเป็นอะไรหนอ
เราจักเป็นอย่างไรหนอ เราจักเป็นอะไรแล้วไปเป็นอะไรอีกหนอ' บ้างหรือไม่"
"ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า"
"เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้ จะพึงมีความสงสัยภายในตนปรารภปัจจุบันกาล
ในบัดนี้ว่า 'เราเป็นอยู่หรือ หรือไม่เป็นอยู่หนอ เราเป็นอะไรหนอ เราเป็นอย่างไรหนอ
สัตว์นี้มาจากไหนหนอ และเขาจักไปไหนกันหนอ' บ้างหรือไม่"
"ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า"
"เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า 'พระศาสดาเป็นครูของเรา
ทั้งหลาย เราทั้งหลายต้องกล่าวอย่างนี้ด้วยความเคารพต่อพระศาสดา' บ้างหรือไม่"
"ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า"
"เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า 'พระสมณะตรัสอย่างนี้
และเราทั้งหลายผู้ชื่อว่าเป็นสมณะ ก็กล่าวอย่างนี้' บ้างหรือไม่"
"ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า"

เชิงอรรถ :
1 กลับระลึกถึง หมายถึงการแล่นไปตามอำนาจตัณหาและทิฏฐิด้วยอำนาจวิจิกิจฉา ที่ทรงมุ่งจะตรัสถามว่า
เมื่อรู้เห็นถึงปัจจัยแห่งการเกิดครบองค์ 12 แล้ว มีความสงสัยอยู่อีกหรือไม่ (ม.มู.อ. 2/407/216, ม.มู.
ฏีกา 2/407/277)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :442 }