เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [4. มหายมกวรรค] 8. มหาตัณหาสัขยสูตร

นั่นแลมิใช่อื่น ท่องเที่ยวไป แล่นไป" จึงเข้าไปหาสาติภิกษุแล้วถามว่า "ท่านสาติ
ทราบว่า ท่านมีทิฏฐิชั่วเช่นนี้เกิดขึ้นว่า 'เรารู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรง
แสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแลมิใช่อื่น ท่องเที่ยวไป แล่นไป' จริงหรือ"
สาติภิกษุตอบว่า "จริง ท่านทั้งหลาย ผมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาค
ทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแลมิใช่อื่น ท่องเที่ยวไป แล่นไป"
ภิกษุเหล่านั้นปรารถนาที่จะปลดเปลื้องสาติภิกษุบุตรชาวประมงจากทิฏฐิชั่ว
นั้นจึงซักไซ้ ไล่เลียง สอบสวนว่า "ท่านสาติ ท่านอย่าได้กล่าวอย่างนี้ ท่านอย่าได้
กล่าวตู่พระผู้มีพระภาค การกล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเป็นการไม่ดีเลย เพราะพระผู้มี
พระภาคมิได้ตรัสอย่างนี้เลย ท่านสาติ วิญญาณอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น พระผู้มีพระภาค
ตรัสแล้วโดยปริยายเป็นอเนกว่า 'ปราศจากปัจจัย ก็ไม่มีความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณ"
สาติภิกษุบุตรชาวประมงถูกภิกษุเหล่านั้นซักไซ้ ไล่เลียง สอบสวนอยู่แม้อย่างนี้
ก็ยังยึดมั่นถือมั่นทิฏฐิชั่วนั้นอย่างรุนแรง กล่าวอยู่ว่า "ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึง
ธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแลมิใช่อื่น ท่องเที่ยวไป แล่นไป"

เพื่อนภิกษุไม่อาจเปลี่ยนทิฏฐิของท่านสาติ

[397] ภิกษุเหล่านั้นเมื่อไม่อาจปลดเปลื้องสาติภิกษุบุตรชาวประมงจาก
ทิฏฐิชั่วนั้นได้ จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ
ที่สมควรแล้วกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สาติภิกษุมีทิฏฐิชั่วเช่นนี้เกิดขึ้นว่า
'เรารู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า วิญญาณนี้นั่นแลมิใช่อื่น
ท่องเที่ยวไป แล่นไป' ข้าพระองค์ทั้งหลายได้สดับมาว่า 'สาติภิกษุมีทิฏฐิชั่วเช่นนี้
เกิดขึ้นว่า 'เรารู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า วิญญาณนี้นั่นแล
มิใช่อื่น ท่องเที่ยวไป แล่นไป' ครั้งนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายเข้าไปหาสาติภิกษุ
แล้วถามว่า 'ท่านสาติ ทราบว่า ท่านมีทิฏฐิชั่วเช่นนี้เกิดขึ้นว่า 'เรารู้ทั่วถึงธรรม
ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแลมิใช่อื่น ท่องเที่ยวไป แล่นไป
จริงหรือ' เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายถามอย่างนี้ สาติภิกษุได้ตอบข้าพระองค์ทั้งหลาย
ว่า 'จริง ท่านทั้งหลาย ผมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณ
นี้นั่นแลมิใช่อื่น ท่องเที่ยวไป แล่นไป'

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :428 }