เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [3. โอปัมมวรรค] 6. ปาสราสิสูตร

ทรงรำพึงถึงผู้ควรรับธรรมเทศนา

[284] ภิกษุทั้งหลาย เราดำริว่า 'เราควรแสดงธรรมแก่ใครก่อนหนอ
ใครจักรู้ธรรมนี้ได้ฉับพลัน' แล้วดำริต่อไปว่า 'อาฬารดาบส กาลามโคตรนี้ เป็น
บัณฑิต ฉลาดเฉียบแหลม มีปัญญา มีธุลีในดวงตาน้อยมานาน ทางที่ดี เราควร
แสดงธรรมแก่อาฬารดาบส กาลามโคตรก่อน เธอจักรู้ธรรมนี้ได้ฉับพลัน'
ครั้งนั้น เทวดาองค์หนึ่งเข้ามาหาเราแล้วกล่าวว่า 'ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อาฬารดาบส กาลามโคตรทำกาละได้ 7 วันแล้ว'
อนึ่ง เราก็ได้เกิดญาณทัสสนะขึ้นว่า 'อาฬารดาบส กาลามโคตร ทำกาละได้ 7
วันแล้ว' จึงดำริว่า 'อาฬารดาบส กาลามโคตร เป็นผู้มีความเสื่อมจากคุณอันยิ่ง
ใหญ่1แล้วหนอ เพราะถ้าเธอได้ฟังธรรมนี้ ก็จะพึงรู้ได้ฉับพลัน'
เราจึงดำริว่า 'เราควรแสดงธรรมแก่ใครก่อนหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้
ฉับพลัน' จึงดำริต่อไปว่า 'อุทกดาบส รามบุตรนี้ เป็นบัณฑิต ฉลาดเฉียบแหลม
มีปัญญา มีธุลีในดวงตาน้อยมานาน ทางที่ดี เราควรแสดงธรรมแก่อุทกดาบส
รามบุตรก่อน เธอจักรู้ธรรมนี้ได้ฉับพลัน'
ลำดับนั้น เทวดาองค์หนึ่งเข้ามาหาเราแล้วกล่าวว่า 'ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อุทกดาบส รามบุตร ได้ทำกาละเมื่อวานนี้'
อนึ่ง เราก็ได้เกิดญาณทัสสนะขึ้นว่า 'อุทกดาบส รามบุตร ได้ทำกาละ
เมื่อวานนี้' จึงดำริว่า 'อุทกดาบส รามบุตร เป็นผู้มีความเสื่อมจากคุณอันยิ่งใหญ่
แล้วหนอ เพราะถ้าเธอได้ฟังธรรมนี้ ก็จะพึงรู้ได้ฉับพลัน'
เราจึงดำริว่า 'เราควรแสดงธรรมแก่ใครก่อนหนอ ใครจักรู้ธรรมนี้ได้ฉับพลัน'
จึงดำริว่า 'ภิกษุปัญจวัคคีย์มีอุปการะแก่เรามาก ที่ได้เฝ้าปรนนิบัติเราผู้มุ่งบำเพ็ญ

เชิงอรรถ :
1 มีความเสื่อมจากคุณอันยิ่งใหญ่ หมายถึงมีความเสื่อมมาก เพราะเสื่อมจากมรรคและผลที่จะพึงบรรลุ
เพราะเกิดในอักขณะ คือ อาฬารดาบส ตายไปเกิดในอากิญจัญญายตนภพ ส่วนอุทกดาบส ตายไปเกิดใน
เนวสัญญานาสัญญายตนภพ (ม.มู.อ. 2/284/94, วิ.อ. 3/10/16)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :309 }