เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [1. มูลปริยายวรรค] 3. ธัมมทายาทสูตร

บิณฑบาตนี้ของเรายังมีเหลือจะต้องทิ้ง หากเธอทั้งหลายประสงค์ ก็จงฉันเถิด
หากเธอทั้งหลายจะไม่ฉัน บัดนี้ เราจะทิ้งลงบนพื้นที่ปราศจากของสดเขียว หรือ
เทลงในน้ำที่ปราศจากตัวสัตว์' ภิกษุ 2 รูปนั้น รูปหนึ่งมีความคิดอย่างนี้ว่า
'พระผู้มีพระภาคได้เสวยเสร็จห้ามภัตเรียบร้อยแล้ว สิ้นสุดภัตกิจ มีความสุขตาม
ความต้องการแล้ว แต่บิณฑบาตของพระผู้มีพระภาคนี้ ยังมีเหลือจะต้องทิ้ง หาก
เราจะไม่ฉัน บัดนี้ พระผู้มีพระภาคก็จะทรงทิ้งลงบนพื้นที่ปราศจากของสดเขียว
หรือทรงเทลงในน้ำที่ปราศจากตัวสัตว์ แต่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า 'ภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงเป็นธรรมทายาทของเรา อย่าเป็นอามิสทายาทเลย' บิณฑบาตนี้
เป็นอามิสอย่างหนึ่ง ทางที่ดี เราจะไม่ฉันบิณฑบาตนี้แล้วให้วันคืนผ่านพ้นไปอย่างนี้
ด้วยความหิวและความอ่อนเพลียนี้แล' เธอจึงไม่ฉันบิณฑบาตนั้น แล้วให้วันคืน
นั้นผ่านพ้นไปอย่างนี้ ด้วยความหิวและความอ่อนเพลียนั้นแล
ลำดับนั้น ภิกษุรูปที่ 2 ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า 'พระผู้มีพระภาคได้เสวย
เสร็จห้ามภัตเรียบร้อยแล้ว สิ้นสุดภัตกิจ มีความสุขตามความต้องการแล้ว แต่
บิณฑบาตของพระผู้มีพระภาคนี้ยังมีเหลือจะต้องทิ้ง หากเราจะไม่ฉัน บัดนี้ พระผู้มี
พระภาคก็จะทรงทิ้งลงบนพื้นที่ปราศจากของสดเขียว หรือทรงเทลงในน้ำที่ปราศจาก
ตัวสัตว์ ทางที่ดี เราควรฉันบิณฑบาตนี้บรรเทาความหิวและความอ่อนเพลีย
แล้วให้วันคืนผ่านพ้นไปอย่างนี้' เธอจึงฉันบิณฑบาตนั้นบรรเทาความหิวและความ
อ่อนเพลียแล้วให้วันคืนนั้นผ่านพ้นไปอย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ (รูปที่ 2) นั้นฉันบิณฑบาตนั้นบรรเทาความหิวและความ
อ่อนเพลียแล้วให้วันคืนนั้นผ่านพ้นไปอย่างนี้ แต่ภิกษุรูปแรกนั้นก็ยังเป็นผู้ควรบูชา
และสรรเสริญกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะการไม่ฉันบิณฑบาตของภิกษุรูปแรกนั้น
จักเป็นไปเพื่อความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา เลี้ยงง่าย ปรารภความเพียร สิ้น
กาลนาน เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายจงเป็นธรรมทายาทของเราเถิด อย่าเป็นอามิส-
ทายาทเลย เพราะเราก็มีความเอ็นดูในเธอทั้งหลายอยู่ว่า 'ทำอย่างไรหนอ สาวก
ทั้งหลายของเราจะพึงเป็นธรรมทายาท ไม่เป็นอามิสทายาท"
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระดำรัสนี้แล้ว พระสุคตครั้นตรัสพระดำรัสนี้แล้ว
ก็เสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปยังพระวิหาร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :28 }