เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [2. สีหนาทวรรค] 4. จูฬทุกขักขันธสูตร

[180] มหานามะ เมื่อพวกนิครนถ์กล่าวอย่างนี้แล้ว เราได้กล่าวกับนิครนถ์
เหล่านั้นว่า 'นิครนถ์ทั้งหลาย พวกท่านรู้ไหมว่า 'เมื่อก่อน เราทั้งหลายได้มีแล้ว
มิใช่ไม่ได้มีแล้ว'
พวกนิครนถ์ตอบว่า 'ท่านพระโคดม ข้อนี้มิได้เป็นดังนั้น'
ตถาคตถามว่า 'พวกท่านรู้ไหมว่า 'เมื่อก่อน เราทั้งหลายได้ทำบาปกรรมไว้
มิใช่ไม่ได้ทำไว้'
พวกนิครนถ์ตอบว่า 'ท่านพระโคดม ข้อนี้มิได้เป็นดังนั้น'
ตถาคตถามว่า 'พวกท่านรู้ไหมว่า 'เมื่อก่อน เราทั้งหลายได้ทำบาปกรรม
เช่นนี้บ้าง ๆ'
พวกนิครนถ์ตอบว่า 'ท่านพระโคดม ข้อนี้มิได้เป็นดังนั้น'
ตถาคตถามว่า 'พวกท่านรู้ไหมว่า 'เมื่อก่อน ทุกข์เท่านี้เราสลัดได้แล้ว
ทุกข์เท่านี้เราพึงสลัดเสีย หรือเมื่อเราสลัดทุกข์เท่านี้ได้แล้ว ก็จักเป็นอันสลัดทุกข์
ได้ทั้งหมด'
พวกนิครนถ์ตอบว่า 'ท่านพระโคดม ข้อนี้มิได้เป็นดังนั้น'
ตถาคตถามว่า 'พวกท่านรู้จักการละอกุศลธรรมทั้งหลาย การบำเพ็ญกุศล-
ธรรมทั้งหลายในปัจจุบันหรือ'
พวกนิครนถ์ตอบว่า 'ท่านพระโคดม ข้อนี้มิได้เป็นดังนั้น'
ตถาคตถามว่า 'ท่านนิครนถ์ทั้งหลาย ได้ยินมาว่า พวกท่านไม่รู้ว่า 'เมื่อก่อน
เราทั้งหลายได้มีแล้ว มิใช่ไม่ได้มีแล้ว' ไม่รู้ว่า 'เมื่อก่อน เราได้ทำบาปกรรมไว้
มิใช่ไม่ได้ทำไว้' ไม่รู้ว่า 'เราได้ทำบาปกรรมเช่นนี้บ้าง ๆ' ไม่รู้ว่า 'ทุกข์เท่านี้เรา
สลัดได้แล้ว ทุกข์เท่านี้เราพึงสลัดเสีย หรือเมื่อเราสลัดทุกข์เท่านี้ได้แล้ว ก็จักเป็น
อันสลัดทุกข์ได้ทั้งหมด' ไม่รู้จักการละอกุศลธรรมทั้งหลาย การบำเพ็ญกุศลธรรม
ทั้งหลายในปัจจุบัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่บวชในพวกนิครนถ์ก็เฉพาะแต่พวกคนโหดร้าย
มีมือเปื้อนเลือด ทำกรรมชั่วช้า กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์ในโลก'

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :183 }


พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [2. สีหนาทวรรค] 4. จูฬทุกขักขันธสูตร

บุคคลผู้อยู่เป็นสุข

พวกนิครนถ์ตอบว่า 'ท่านพระโคดม บุคคลมิใช่จะพึงประสบความสุขได้
ด้วยความสุข แต่จะพึงประสบความสุขได้ด้วยความทุกข์ ถ้าบุคคลจักประสบความ
สุขได้ด้วยความสุข พระเจ้าพิมพิสารจอมทัพแคว้นมคธก็คงจะประสบความสุข
เพราะพระเจ้าพิมพิสารจอมทัพแคว้นมคธจะอยู่เป็นสุขกว่าท่านพระโคดม'
ตถาคตถามว่า 'นิครนถ์ทั้งหลายกล่าววาจาหุนหันไม่ทันพิจารณาอย่างแน่แท้
ว่า 'บุคคลมิใช่จะพึงประสบความสุขได้ด้วยความสุข แต่จะพึงประสบความสุขได้
ด้วยความทุกข์ ถ้าบุคคลจักประสบความสุขได้ด้วยความสุข พระเจ้าพิมพิสาร
จอมทัพแคว้นมคธก็คงจะประสบความสุข เพราะพระเจ้าพิมพิสารจอมทัพแคว้น
มคธจะอยู่เป็นสุขยิ่งกว่าท่านพระโคดม' แต่ว่าเราเท่านั้นที่พวกท่านควรซักถามในเนื้อ
ความนั้นว่า 'บรรดาท่านทั้งหลาย ใครเล่าหนออยู่เป็นสุขกว่ากัน พระเจ้าพิมพิสาร
จอมทัพแคว้นมคธ หรือท่านพระโคดมเอง'
พวกนิครนถ์ตอบว่า 'พวกข้าพเจ้ากล่าววาจาหุนหันไม่ทันพิจารณาอย่างแน่
แท้ว่า 'บุคคลมิใช่จะพึงประสบความสุขได้ด้วยความสุข แต่จะพึงประสบความสุข
ได้ด้วยความทุกข์ ถ้าบุคคลจักประสบความสุขได้ด้วยความสุข พระเจ้าพิมพิสาร
จอมทัพแคว้นมคธก็คงจะประสบความสุข เพราะพระเจ้าพิมพิสารจอมทัพแคว้น
มคธจะอยู่เป็นสุขกว่าท่านพระโคดม' ขอโอกาสหยุดเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้ แม้บัดนี้
พวกข้าพเจ้าจะถามท่านพระโคดมบ้างว่า 'บรรดาท่านทั้งหลาย ใครเล่าหนออยู่
เป็นสุขกว่ากัน พระเจ้าพิมพิสารจอมทัพแคว้นมคธ หรือท่านพระโคดมเอง'
ตถาคตถามว่า 'ถ้าอย่างนั้น ในเนื้อความข้อนั้น เราจักถามพวกท่านนั่นแลว่า
'พวกท่านเข้าใจอย่างใด ควรตอบอย่างนั้น พวกท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร
พระเจ้าพิมพิสารจอมทัพแคว้นมคธไม่ทรงเคลื่อนไหวพระวรกาย ไม่มีพระดำรัส
สามารถเสวยสุขโดยส่วนเดียวอยู่ตลอด 7 คืน 7 วันหรือ'

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :184 }