เมนู

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [1. มูลปริยายวรรค]
10. มหาสติปัฏฐานสูตร

สำเหนียกว่า 'เราระงับกายสังขาร1 หายใจเข้า'
สำเหนียกว่า 'เราระงับกายสังขาร หายใจออก'
ภิกษุทั้งหลาย ช่างกลึง หรือลูกมือช่างกลึงผู้มีความชำนาญ
เมื่อชักเชือกยาว ก็รู้ชัดว่า 'เราชักเชือกยาว'
เมื่อชักเชือกสั้น ก็รู้ชัดว่า 'เราชักเชือกสั้น' แม้ฉันใด
ภิกษุ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า 'เราหายใจเข้ายาว'
เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า 'เราหายใจออกยาว'
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า 'เราหายใจเข้าสั้น'
เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า 'เราหายใจออกสั้น'
สำเหนียกว่า 'เรากำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้า'
สำเหนียกว่า 'เรากำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจออก'
สำเหนียกว่า 'เราระงับกายสังขาร หายใจเข้า'
สำเหนียกว่า 'เราระงับกายสังขาร หายใจออก'
ด้วยวิธีนี้ ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกายภายใน2อยู่ พิจารณาเห็นกายในกาย
ภายนอก3อยู่ หรือพิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกอยู่ พิจารณา
เห็นธรรมเป็นเหตุเกิด (แห่งลมหายใจ) ในกายอยู่ พิจารณาเห็นธรรมเป็นเหตุดับ

เชิงอรรถ :
1 ระงับกายสังขาร หมายถึงผ่อนคลายลมหายใจหยาบให้ละเอียดขึ้นไปโดยลำดับจนถึงขั้นที่จะต้องพิสูจน์ว่า
มีลมหายใจอยู่หรือไม่ เปรียบเหมือนเสียงเคาะระฆังครั้งแรกจะมีเสียงดังกังวานแล้วแผ่วลงจนถึงเงียบหาย
ไปในที่สุด (วิสุทฺธิ. 1/299-302)
2 กายภายใน ในที่นี้หมายถึงลมหายใจเข้าออกของตน (ที.ม.อ. 2/374/379, ม.มู.อ. 1/107/265)
3 กายภายนอก ในที่นี้หมายถึงลมหายใจเข้าออกของผู้อื่น (ที.ม.อ. 2/374/379, ม.มู.อ. 1/107/265)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 12 หน้า :103 }


พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [1. มูลปริยายวรรค]
10. มหาสติปัฏฐานสูตร

(แห่งลมหายใจ)ในกายอยู่ หรือพิจารณาเห็นทั้งธรรมเป็นเหตุเกิดทั้งธรรมเป็นเหตุดับ
(แห่งลมหายใจ)ในกายอยู่
หรือว่า ภิกษุนั้นมีสติปรากฏอยู่เฉพาะหน้าว่า 'กายมีอยู่' ก็เพียงเพื่ออาศัย
เจริญญาณ เจริญสติเท่านั้น ไม่อาศัย(ตัณหาและทิฏฐิ)อยู่ และไม่ยึดมั่นถือมั่น
อะไร ๆ ในโลก ภิกษุจึงชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ อย่างนี้แล

หมวดลมหายใจเข้าออก จบ

กายานุปัสสนา
หมวดอิริยาบถ

[108] ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุ
เมื่อเดิน ก็รู้ชัดว่า 'เราเดิน'
เมื่อยืน ก็รู้ชัดว่า 'เรายืน'
เมื่อนั่ง ก็รู้ชัดว่า 'เรานั่ง'
เมื่อนอน ก็รู้ชัดว่า 'เรานอน'
ภิกษุนั้น เมื่อดำรงกายอยู่โดยอาการใด ๆ ก็รู้ชัดกายที่ดำรงอยู่โดยอาการนั้น ๆ
ด้วยวิธีนี้ ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกายภายใน1อยู่ ฯลฯ ภิกษุจึงชื่อว่า
พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ อย่างนี้แล

หมวดอิริยาบถ จบ