เมนู

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [1. ปาฎิกสูตร]
เรื่องนักบวชเปลือยชื่อโกรักขัตติยะ

ดังนี้ว่า ‘สมณะที่คลานไปด้วยข้อศอกและเข่า กินอาหารที่กองบนพื้นดินด้วยปาก
เป็นพระอรหันต์ชั้นดี’ มิใช่หรือ’
‘ใช่ พระพุทธเจ้าข้า ก็พระผู้มีพระภาคยังทรงหวงความเป็นพระอรหันต์อยู่หรือ’
‘โมฆบุรุษ เรามิได้หวงความเป็นพระอรหันต์เลย แต่เธอได้เกิดความเห็นชั่ว
นี้ขึ้น เธอจงละความเห็นชั่วนั้นเสีย ความเห็นชั่วนั้นอย่าได้มีเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์
แก่เธอตลอดกาลนานเลย สุนักขัตตะ นักบวชเปลือยโกรักขัตติยะ ที่เธอเข้าใจว่าเป็น
สมณะผู้เป็นพระอรหันต์ชั้นดีนั้น อีก 7 วัน จักตายด้วยโรคอลสกะ1 แล้วจักไปเกิด
ในหมู่อสูรชื่อกาลกัญชิกา2 ซึ่งต่ำต้อยกว่าหมู่อสูรทุกประเภท และคนจักนำศพนั้น
ไปทิ้งที่ป่าช้าชื่อวีรณัตถัมภกะ ถ้าเธอประสงค์จะรู้ พึงเข้าไปหานักบวชเปลือยโกรัก-
ขัตติยะแล้วถามว่า ‘ท่านโกรักขัตติยะ ท่านทราบคติของตนหรือ’ เป็นไปได้ที่เขาจัก
ตอบว่า ‘ท่านสุนักขัตตะ เราทราบคติของเรา คือจะไปเกิดในหมู่อสูรชื่อกาลกัญชิกา
ซึ่งต่ำต้อยกว่าหมู่อสูรทุกประเภท’
ภัคควะ ครั้งนั้น สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ได้เข้าไปหานักบวชเปลือยโกรักขัตติยะ
ถึงที่อยู่ แล้วได้พูดกับนักบวชเปลือยโกรักขัตติยะดังนี้ว่า ‘ท่านโกรักขัตติยะ พระ
สมณโคดมพยากรณ์ว่า’ อีก 7 วัน โกรักขัตติยะจักตายด้วยโรคอลสกะ แล้วจักไป
เกิดในหมู่อสูรชื่อกาลกัญชิกา ซึ่งต่ำต้อยกว่าหมู่อสูรทุกประเภท และคนจักนำ
ศพนั้นไปทิ้งที่ป่าช้าชื่อวีรณัตถัมภกะ’ ท่านโกรักขัตติยะควรกินอาหารแต่พอสมควร
และดื่มน้ำแต่พอสมควร เพื่อทำให้คำพูดของพระสมณโคดมผิดไป’
[8] ภัคควะ ตอนนั้น สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ไม่เชื่อตถาคต จึงนับวันและคืน
ตลอด 7 วัน โดยเริ่มจากวันที่ล่วงไป 1 วัน 2 วัน ต่อมา ถึงวันที่ 7 นักบวชเปลือย

เชิงอรรถ :
1 โรคอลสกะ หมายถึงโรคที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย ได้แก่ ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ที.ปา.ฏีกา 7/5)
2 อสูรชื่อกาลกัญชิกา หมายถึงอสูรที่มีตัวสูง 3 คาวุต มีเนื้อและโลหิตน้อย มีตาติดบนศีรษะคล้ายตาปู
มีปากเท่ารูเข็มบนศีรษะ ก้มตัวลงกินอาหารด้วยปากเล็ก ๆ นั้น (ที.ปา.อ. 7/5)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :8 }