พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [11. ทสุตตรสูตร] ธรรม 3 ประการ
2. ทุกขเวทนา (ความรู้สึกทุกข์)
3. อทุกขมสุขเวทนา (ความรู้สึกไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุข)
นี้ คือธรรม 3 ประการที่ควรกำหนดรู้
(ฆ) ธรรม 3 ประการที่ควรละ คืออะไร
คือ ตัณหา1 3 ได้แก่
1. กามตัณหา (ความทะยานอยากในกาม)
2. ภวตัณหา (ความทะยานอยากในภพ)
3. วิภวตัณหา (ความทะยานอยากในวิภพ)
นี้ คือธรรม 3 ประการที่ควรละ
(ง) ธรรม 3 ประการที่เป็นไปในฝ่ายเสื่อม คืออะไร
คือ อกุศลมูล2 3 ได้แก่
1. อกุศลมูลคือโลภะ (ความอยากได้)
2. อกุศลมูลคือโทสะ (ความคิดประทุษร้าย)
3. อกุศลมูลคือโมหะ (ความหลง)
นี้ คือธรรม 3 ประการที่เป็นไปในฝ่ายเสื่อม
(จ) ธรรม 3 ประการที่เป็นไปในฝ่ายคุณวิเศษ คืออะไร
คือ กุศลมูล3 3 ได้แก่
1. กุศลมูลคืออโลภะ (ความไม่อยากได้)
2. กุศลมูลคืออโทสะ (ความไม่คิดประทุษร้าย)
3. กุศลมูลคืออโมหะ (ความไม่หลง)
นี้ คือธรรม 3 ประการที่เป็นไปในฝ่ายคุณวิเศษ
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [11. ทสุตตรสูตร] ธรรม 3 ประการ
(ฉ) ธรรม 3 ประการที่แทงตลอดได้ยาก คืออะไร
คือ ธาตุที่สลัด 3 ได้แก่
1. ธาตุที่สลัดกามคือเนกขัมมะ1
2. ธาตุที่สลัดรูปคืออรูป2
3. การสลัดสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น สิ่งที่อาศัยกันและ
กันเกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่ง คือนิโรธ3
นี้ คือธรรม 3 ประการที่แทงตลอดได้ยาก
(ช) ธรรม 3 ประการที่ควรให้เกิดขึ้น คืออะไร
คือ ญาณ 3 ได้แก่
1. อตีตังสญาณ (ญาณหยั่งรู้ส่วนอดีต)
2. อนาคตังสญาณ (ญาณหยั่งรู้ส่วนอนาคต)
3. ปัจจุปปันนังสญาณ (ญาณหยั่งรู้ส่วนปัจจุบัน)
นี้ คือธรรม 3 ประการที่ควรให้เกิดขึ้น
(ฌ) ธรรม 3 ประการที่ควรรู้ยิ่ง คืออะไร
คือ ธาตุ4 3 ได้แก่
1. กามธาตุ (ธาตุคือกามภพ)
2. รูปธาตุ (ธาตุคือรูปภพ)
3. อรูปธาตุ (ธาตุคืออรูปภพ)
นี้ คือธรรม 3 ประการที่ควรรู้ยิ่ง