เมนู

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [1. ปาฎิกสูตร] เรื่องอิทธิปาฎิหาริย์

[27] ภัคควะ เมื่อชาลิยปริพาชกผู้เป็นศิษย์ของทารุปัตติกะนั้นได้ทราบว่า
‘นักบวชเปลือยปาฏิกบุตรนี้แพ้แล้ว ก็ยังกล่าวว่า ‘เราจะไป ๆ’ แล้วก็ซบศีรษะอยู่ ณ ที่
นั้นเองไม่อาจลุกจากที่นั่งได้’ จึงกล่าวกับนักบวชเปลือยปาฏิกบุตรดังนี้ว่า
‘ท่านปาฏิกบุตร เรื่องเคยมีมาแล้ว คือ ราชสีห์1เจ้าแห่งสัตว์ป่า คิดว่า ‘ทาง
ที่ดี เราพึงอาศัยป่าทึบบางแห่งซ่อนตัวอยู่ ครั้นซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบนั้นแล้ว พึงออก
จากที่ซ่อนในเวลาเย็น ครั้นออกจากที่ซ่อนแล้ว พึงบิดกาย ครั้นบิดกายแล้ว
พึงเหลียวดูไปรอบ ๆ ทั้ง 4 ทิศ ครั้นเหลียวดูไปรอบ ๆ ทั้ง 4 ทิศแล้ว พึงบันลือ
สีหนาท2 3 ครั้ง ครั้นบันลือสีหนาท 3 ครั้งแล้ว จึงออกไปหากิน เรานั้นล่าหมู่เนื้อ
ตัวล่ำสัน กินเนื้อนุ่ม ๆ แล้วกลับมาซ่อนตัวอยู่ตามเดิม’
ครั้งนั้น พญาราชสีห์นั้น อาศัยป่าทึบบางแห่งซ่อนตัวอยู่ ครั้นซ่อนตัวอยู่ใน
ป่าทึบนั้นแล้ว ออกจากที่ซ่อนในเวลาเย็น ครั้นออกจากที่ซ่อนแล้ว บิดกาย ครั้น
บิดกายแล้ว เหลียวดูไปรอบ ๆ ทั้ง 4 ทิศ ครั้นเหลียวดูไปรอบ ๆ ทั้ง 4 ทิศแล้ว
บันลือสีหนาท 3 ครั้ง ครั้นบันลือสีหนาท 3 ครั้งแล้ว จึงออกไปหากิน มันล่า
หมู่เนื้อตัวล่ำสัน กินเนื้อนุ่ม ๆ แล้วกลับมาซ่อนตัวอยู่ตามเดิม
[28] ท่านปาฏิกบุตร มีสุนัขจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง เจริญเติบโตด้วยการกินเนื้อที่
เป็นเดนของราชสีห์เจ้าแห่งสัตว์ป่านั้นนั่นเอง อ้วนท้วน มีกำลัง ต่อมา สุนัขจิ้งจอก
แก่ตัวนั้น เกิดความคิดดังนี้ว่า ‘เราเป็นใคร ราชสีห์เจ้าแห่งสัตว์ป่าเป็นใคร ทางที่ดี
เราควรอาศัยป่าทึบบางแห่งซ่อนตัวอยู่ ครั้นซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบนั้น พึงออกจากที่
ซ่อนในเวลาเย็น ครั้นออกจากที่ซ่อนแล้ว พึงบิดกาย ครั้นบิดกายแล้ว พึงเหลียว
ดูไปรอบ ๆ ทั้ง 4 ทิศ ครั้นเหลียวดูไปรอบ ๆ ทั้ง 4 ทิศแล้ว พึงบันลือสีหนาท

เชิงอรรถ :
1 ราชสีห์ ได้แก่ พญาสิงโต มี 4 ชนิด คือ (1) ติณราชสีห์ (ราชสีห์ที่มีสีเขียว) (2) กาฬราชสีห์ (ราชสีห์
ที่มีสีดำ) (3) ปัณฑุราชสีห์ (ราชสีห์ที่มีสีเหลือง) (4) ไกรสรราชสีห์ (ราชสีห์ที่มีสีขาวหรือมีสีแดง) ในที่นี้
หมายถึงไกรสรราชสีห์ที่เลิศกว่าราชสีห์ทุกประเภท (ที.ปา.อ. 27/12)
2 บันลือสีหนาท ในที่นี้หมายถึงการเปล่งเสียงดังของราชสีห์ด้วยความกรุณาต่อสัตว์ที่อ่อนแอเพื่อให้หลีกหนี
ไปเสียก่อน (ที.ปา.อ. 27/12)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :22 }


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [1. ปาฎิกสูตร] เรื่องอิทธิปาฎิหาริย์

3 ครั้ง ครั้นบันลือสีหนาท 3 ครั้งแล้ว จึงออกไปหากิน เรานั้นล่าหมู่เนื้อตัวล่ำสัน
กินเนื้อนุ่ม ๆ แล้วกลับมาซ่อนตัวอยู่ตามเดิม’
ครั้งนั้น สุนัขจิ้งจอกแก่ตัวนั้น อาศัยป่าทึบบางแห่งซ่อนตัวอยู่ ครั้นซ่อนตัว
อยู่ในป่าทึบนั้นแล้ว ออกจากที่ซ่อนในเวลาเย็น ครั้นออกจากที่ซ่อนแล้ว บิดกาย
ครั้นบิดกายแล้ว เหลียวดูไปรอบ ๆ ทั้ง 4 ทิศ ครั้นเหลียวดูไปรอบ ๆ ทั้ง 4 ทิศแล้ว
จึงคิดว่า ‘เราจักบันลือสีหนาท’ แต่กลับร้องเสียงสุนัขจิ้งจอกออกมา 3 ครั้ง
ร้องอย่างเสียงสุนัขจิ้งจอกนั่นเอง สุนัขจิ้งจอกผู้ต่ำทรามเป็นใคร และการบันลือ
สีหนาทมีผลเป็นอย่างไร ท่านปาฏิกบุตร ท่านก็เป็นเช่นนั้น ดำรงชีพตามแบบ
พระสุคต1 บริโภคอาหารที่เป็นเดนพระสุคต ยังสำคัญพระตถาคตผู้เป็นพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าว่าควรท้าทายได้ ถามว่า ปาฏิกบุตรผู้ต่ำทรามเป็นใคร และการ
ท้าทายพระตถาคตผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดผลเป็นอย่างไร
[29] ภัคควะ เมื่อชาลิยปริพาชกผู้เป็นศิษย์ของทารุปัตติกะ ไม่อาจที่จะให้
นักบวชเปลือยปาฏิกบุตรลุกจากที่นั่งนั้นได้ แม้ด้วยข้ออุปมานี้ จึงได้กล่าวกับเขา
ดังนี้ว่า
สุนัขจิ้งจอกสำคัญตนว่าเป็นราชสีห์
จึงได้ลำพองตัวว่าเป็นเจ้าแห่งสัตว์ป่า
มันจึงได้ร้องเสียงสุนัขจิ้งจอกเช่นนั้นขึ้น
สุนัขจิ้งจอกผู้ต่ำทรามเป็นใคร
และการบันลืออย่างราชสีห์เกิดผลเป็นอย่างไร
ท่านปาฏิกบุตร ท่านก็เป็นเช่นนั้น ดำรงชีพตามแบบพระสุคต บริโภคอาหาร
ที่เป็นเดนพระสุคต ยังสำคัญพระตถาคตผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าควร
ท้าทายได้ ถามว่า ปาฏิกบุตรผู้ต่ำทรามเป็นใคร และการท้าทายพระตถาคตผู้เป็น
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดผลเป็นอย่างไร

เชิงอรรถ :
1 แบบพระสุคต ในที่นี้หมายถึงไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นคำสอนของพระสุคต(ที.ปา.อ.
28/13)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :23 }