เมนู

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [8. สิงคาลกสูตร]
โทษแห่งความเกียจคร้าน 6 ประการ

เหตุ 6 ประการนี้ คือ
(1) การนอนตื่นสาย (2) การเป็นชู้กับภรรยาผู้อื่น
(3) การผูกเวร (4) ความเป็นผู้ก่อแต่เรื่องเสียหาย
(5) การมีมิตรชั่ว (6) ความตระหนี่จัด
ย่อมทำลายบุรุษให้พินาศ
คนมีมิตรชั่ว มีเพื่อนชั่ว
มีมารยาทและความประพฤติชั่ว
ย่อมเสื่อมจากโลกทั้งสอง คือ
จากโลกนี้และจากโลกหน้า
เหตุ 6 ประการนี้ คือ
(1) นักเลงการพนันและนักเลงหญิง
(2) นักเลงสุรา (3) ฟ้อนรำขับร้อง
(4) นอนหลับในกลางวัน เที่ยวกลางคืน
(5) การมีมิตรชั่ว (6) ความตระหนี่จัด
ย่อมทำลายบุรุษให้พินาศ
ผู้ใดเล่นการพนัน ดื่มสุรา
ล่วงละเมิดหญิงผู้เป็นที่รักเสมอด้วยชีวิตของผู้อื่น
คบแต่คนเลว และไม่คบหาคนเจริญ
ผู้นั้นย่อมเสื่อมดุจดวงจันทร์ข้างแรม ฉะนั้น
ผู้ใดดื่มสุรา ไร้ทรัพย์
ไม่ทำงานเลี้ยงชีพ เป็นคนขี้เมาหัวทิ่มบ่อ
ผู้นั้นจักจมลงสู่หนี้เหมือนก้อนหินจมน้ำ
จักทำความมัวหมองให้แก่ตนทันที

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :206 }


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [8. สิงคาลกสูตร] มิตรเทียม

คนชอบนอนหลับในกลางวัน
ไม่ลุกขึ้นในกลางคืน เป็นนักเลงขี้เมาประจำ
ไม่สามารถครองเรือนได้
ประโยชน์ทั้งหลายย่อมล่วงเลย
หนุ่มสาวที่ละทิ้งการงาน
โดยอ้างว่า ‘เวลานี้หนาวเกินไป
เวลานี้ร้อนเกินไป เวลานี้เย็นเกินไป’ เป็นต้น
ส่วนผู้ใดทำหน้าที่ของบุรุษ
ไม่ใส่ใจความหนาว ความร้อน ยิ่งไปกว่าหญ้า
ผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจากความสุข

มิตรเทียม

[254] คหบดีบุตร คน 4 จำพวกนี้ เธอพึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็น
มิตรเทียม คือ
1. คนที่ถือเอาแต่ประโยชน์จากผู้อื่นฝ่ายเดียว พึงทราบว่า ไม่ใช่
มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม
2. คนดีแต่พูด พึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม
3. คนพูดประจบ พึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม
4. คนที่เป็นเพื่อนชักนำในทางเสื่อม พึงทราบว่า ไม่ใช่มิตรแท้ เป็น
มิตรเทียม
[255] คหบดีบุตร คนที่ถือเอาแต่ประโยชน์จากผู้อื่นฝ่ายเดียว เธอพึงทราบว่า
ไม่ใช่มิตรแท้ เป็นมิตรเทียม โดยเหตุ 4 ประการ คือ
(1) เป็นผู้ถือเอาประโยชน์จากผู้อื่นฝ่ายเดียว
(2) เสียน้อย ปรารถนาจะได้มาก
(3) เมื่อตัวเองมีภัยจึงทำกิจของเพื่อน
(4) คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :207 }