เมนู

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [8. สิงคาลกสูตร]
โทษแห่งความเกียจคร้าน 6 ประการ

4. เขามีคนหลอกลวงเป็นมิตรสหาย
5. เขามีคนโกงเป็นมิตรสหาย
6. เขามีโจรเป็นมิตรสหาย
คหบดีบุตร การหมกมุ่นในการคบคนชั่วเป็นมิตรมีโทษ 6 ประการนี้แล

โทษแห่งความเกียจคร้าน 6 ประการ

[253] คหบดีบุตร การหมกมุ่นในความเกียจคร้านมีโทษ 6 ประการนี้ คือ
1. มักอ้างว่า ‘หนาวเกินไป’ แล้วไม่ทำการงาน
2. มักอ้างว่า ‘ร้อนเกินไป’ แล้วไม่ทำการงาน
3. มักอ้างว่า ‘เวลาเย็นเกินไป’ แล้วไม่ทำการงาน
4. มักอ้างว่า ‘เวลายังเช้าเกินไป’ แล้วไม่ทำการงาน
5. มักอ้างว่า ‘หิวเกินไป’ แล้วไม่ทำการงาน
6. มักอ้างว่า ‘กระหายเกินไป’ แล้วไม่ทำการงาน
เมื่อเขามากไปด้วยการอ้างเลศ ผัดเพี้ยนการงานอยู่อย่างนี้ โภคะที่ยังไม่เกิด
ก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็ถึงความเสื่อมสิ้นไป
คหบดีบุตร การหมกมุ่นในความเกียจคร้านมีโทษ 6 ประการนี้แล”
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสเวยยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัส
คาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
“เพื่อนในโรงสุราก็มี
เพื่อนดีแต่พูดก็มี
เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น ผู้ใดเป็นเพื่อนได้
ผู้นั้นจัดว่าเป็นเพื่อนแท้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :205 }


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [8. สิงคาลกสูตร]
โทษแห่งความเกียจคร้าน 6 ประการ

เหตุ 6 ประการนี้ คือ
(1) การนอนตื่นสาย (2) การเป็นชู้กับภรรยาผู้อื่น
(3) การผูกเวร (4) ความเป็นผู้ก่อแต่เรื่องเสียหาย
(5) การมีมิตรชั่ว (6) ความตระหนี่จัด
ย่อมทำลายบุรุษให้พินาศ
คนมีมิตรชั่ว มีเพื่อนชั่ว
มีมารยาทและความประพฤติชั่ว
ย่อมเสื่อมจากโลกทั้งสอง คือ
จากโลกนี้และจากโลกหน้า
เหตุ 6 ประการนี้ คือ
(1) นักเลงการพนันและนักเลงหญิง
(2) นักเลงสุรา (3) ฟ้อนรำขับร้อง
(4) นอนหลับในกลางวัน เที่ยวกลางคืน
(5) การมีมิตรชั่ว (6) ความตระหนี่จัด
ย่อมทำลายบุรุษให้พินาศ
ผู้ใดเล่นการพนัน ดื่มสุรา
ล่วงละเมิดหญิงผู้เป็นที่รักเสมอด้วยชีวิตของผู้อื่น
คบแต่คนเลว และไม่คบหาคนเจริญ
ผู้นั้นย่อมเสื่อมดุจดวงจันทร์ข้างแรม ฉะนั้น
ผู้ใดดื่มสุรา ไร้ทรัพย์
ไม่ทำงานเลี้ยงชีพ เป็นคนขี้เมาหัวทิ่มบ่อ
ผู้นั้นจักจมลงสู่หนี้เหมือนก้อนหินจมน้ำ
จักทำความมัวหมองให้แก่ตนทันที

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :206 }