เมนู

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [1. ปาฎิกสูตร] เรื่องอิทธิปาฎิหาริย์

ภัคควะ เมื่อบุรุษนั้นกล่าวอย่างนี้ เราจึงได้กล่าวกับบริษัทนั้นดังนี้ว่า ‘ท่าน
ทั้งหลาย ถ้านักบวชเปลือยปาฏิกบุตร ยังไม่ละวาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัดความ
เห็นนั้น ก็ไม่อาจที่จะมาเผชิญหน้ากับเราได้ แม้เขาจะคิดอย่างนี้ว่า ‘ถึงเรายังไม่ละ
วาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็อาจไปเผชิญหน้ากับพระสมณโคดมได้’
ดังนี้ ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่’

ภาณวารที่ 1 จบ

[24] ภัคควะ ครั้งนั้น มหาอำมาตย์ของเจ้าลิจฉวีคนหนึ่ง ลุกจากที่นั่ง ได้กล่าว
กับบริษัทนั้นดังนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ ถ้าเช่นนั้น โปรดคอยสักครู่ได้ไหม บางทีข้าพเจ้า
อาจจะไปนำนักบวชเปลือยปาฏิกบุตรมายังบริษัทนี้ได้’ ลำดับนั้น มหาอำมาตย์ของ
เจ้าลิจฉวีคนนั้น จึงเข้าไปหานักบวชเปลือยปาฏิกบุตร ถึงอารามของตินทุกขาณุปริพาชก
แล้วกล่าวกับนักบวชเปลือยปาฏิกบุตรดังนี้ว่า ‘ท่านปาฏิกบุตร ท่านจงกลับไปเถิด
ท่านกลับไปดีกว่า พวกเจ้าลิจฉวีผู้มีชื่อเสียง พราหมณมหาศาล คหบดีผู้มั่งคั่ง และ
สมณพราหมณ์ลัทธิต่าง ๆ ผู้มีชื่อเสียง ต่างพากันออกมาแล้ว แม้พระสมณโคดมก็
ประทับพักกลางวันอยู่ที่อารามของท่าน อนึ่ง ท่านได้พูดอวดไว้ในบริษัท ในกรุงเวสาลี
อย่างนี้ว่า ‘พระสมณโคดมเป็นญาณวาท เราก็เป็นญาณวาทด้วย ฯลฯ เราจักแสดง
ให้มากกว่านั้นเป็นทวีคูณ’ ท่านปาฏิกบุตร ท่านจงออกไปครึ่งทาง พระสมณโคดม
เสด็จมาก่อนคนทั้งปวงทีเดียว ประทับพักกลางวันอยู่ที่อารามของท่านแล้ว อนึ่ง
พระสมณโคดมตรัสวาจาในบริษัทว่า ‘ถ้านักบวชเปลือยปาฏิกบุตร ยังไม่ละวาจา
ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็ไม่อาจที่จะมาเผชิญหน้ากับเราได้ แม้เขาจะ
คิดอย่างนี้ว่า ‘ถึงเรายังไม่ละวาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็อาจไป
เผชิญหน้ากับพระสมณโคดมได้’ ดังนี้ ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่’ ท่านปาฏิกบุตร
ท่านจงกลับไปเถิด ด้วยการกลับไปของท่านนั่นแหละ พวกเราจะทำให้ท่านชนะ
จะทำให้พระสมณโคดมแพ้’
ภัคควะ เมื่อมหาอำมาตย์ของเจ้าลิจฉวีกล่าวอย่างนี้ นักบวชเปลือยปาฏิกบุตร
จึงกล่าวว่า ‘เราจะไป ๆ’ แล้วก็ซบศีรษะอยู่ ณ ที่นั้นเอง ไม่อาจลุกจากที่นั่งได้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :19 }


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [1. ปาฎิกสูตร] เรื่องอิทธิปาฎิหาริย์

ครั้งนั้น มหาอำมาตย์ของเจ้าลิจฉวี จึงกล่าวกับนักบวชเปลือยปาฏิกบุตรดังนี้ว่า
‘ท่านปาฏิกบุตร ท่านเป็นอะไรไปเล่า ตะโพกของท่านติดกับตั่งหรือ หรือว่าตั่ง
ติดกับตะโพกของท่าน ท่านกล่าวว่า ‘เราจะไป ๆ’ แต่กลับซบศีรษะอยู่ ณ ที่นั้นเอง
ไม่อาจลุกจากที่นั่งได้’ ภัคควะ นักบวชเปลือยปาฏิกบุตร แม้ถูกมหาอำมาตย์ของ
เจ้าลิจฉวีเมื่อต่อว่าอยู่อย่างนี้ ก็ยังกล่าวว่า ‘เราจะไป ๆ’ แล้วก็ซบศีรษะอยู่ ณ ที่
นั้นเอง ไม่อาจลุกจากที่นั่งได้
[25] ภัคควะ เมื่อมหาอำมาตย์ของเจ้าลิจฉวีนั้นได้ทราบว่า ‘นักบวชเปลือย
ปาฏิกบุตรนี้แพ้แล้ว ก็ยังกล่าวว่า ‘เราจะไป ๆ’ แล้วก็ซบศีรษะอยู่ ณ ที่นั้นเอง
ไม่อาจลุกจากที่นั่งได้’ จึงกลับมาหาบริษัทนั้นแล้วบอกอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญทั้งหลาย
นักบวชเปลือยปาฏิกบุตรนี้แพ้แล้ว ก็ยังกล่าวว่า ‘เราจะไป ๆ’ แล้วก็ซบศีรษะอยู่
ณ ที่นั้นเอง ไม่อาจลุกจากที่นั่งได้’
ภัคควะ เมื่อมหาอำมาตย์ของเจ้าลิจฉวีนั้นกล่าวอย่างนี้ เราจึงได้กล่าวกับ
บริษัทนั้นดังนี้ว่า ‘ท่านทั้งหลาย ถ้านักบวชเปลือยปาฏิกบุตร ยังไม่ละวาจา ไม่ละ
ความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็ไม่อาจที่จะมาเผชิญหน้ากับเราได้ แม้เขาจะคิด
อย่างนี้ว่า ‘ถึงเราจะไม่ละวาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็อาจไป
เผชิญหน้ากับพระสมณโคดมได้’ ดังนี้ ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่’ แม้เจ้าลิจฉวี
ผู้เจริญทั้งหลายจะคิดอย่างนี้ว่า ‘พวกเราจะเอาเชือกมัดนักบวชเปลือยปาฏิกบุตร
แล้วใช้โคหลาย ๆ คู่ฉุดมา’ เชือกนั้นก็จะขาด หรือไม่กายของนักบวชเปลือยปาฏิก-
บุตรก็จะขาด แต่ถ้านักบวชเปลือยปาฏิกบุตร ยังไม่ละวาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัด
ความเห็นนั้น ก็ไม่อาจที่จะมาเผชิญหน้ากับเราได้ แม้เขาจะคิดอย่างนี้ว่า ‘ถึงเรา
ยังไม่ละวาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็อาจไปเผชิญหน้ากับพระสมณ-
โคดมได้’ ดังนี้ ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่’
[26] ภัคควะ ครั้งนั้น ชาลิยปริพาชก ผู้เป็นศิษย์ของทารุปัตติกะ (นักบวช
ผู้นิยมใช้บาตรไม้) ลุกจากที่นั่งกล่าวกับบริษัทนั้นดังนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ ถ้าเช่นนั้น
ขอให้ท่านทั้งหลายรอคอยสักครู่ ข้าพเจ้าอาจจะไปนำนักบวชเปลือยปาฏิกบุตรมายัง
บริษัทนี้ได้’

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :20 }