เมนู

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [1. ปาฎิกสูตร] เรื่องนักบวชเปลือยชื่อปาฎิกบุตร

พระสมณโคดมได้’ ดังนี้ ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่หรือ’ หรือว่าเหล่าเทวดาก็ได้
กราบทูลความข้อนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า ‘ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้านักบวชเปลือย
ปาฏิกบุตรยังไม่ละวาจา ฯลฯ ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่’
[19] ‘สุนักขัตตะ เรากำหนดรู้ใจของนักบวชเปลือยปาฏิกบุตรด้วยใจของเรา
ว่า ‘ถ้านักบวชเปลือยปาฏิกบุตรยังไม่ละวาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น
ก็ไม่อาจที่จะมาเผชิญหน้ากับเราได้’ แม้เขาจะคิดอย่างนี้ว่า ‘ถึงเราจะไม่ละวาจา
ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็อาจไปเผชิญหน้ากับพระสมณโคดมได้’ ดังนี้
ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่’ และเหล่าเทวดาก็ได้บอกความข้อนี้แก่เราว่า ‘ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ถ้านักบวชเปลือยปาฏิกบุตรไม่ละวาจา ฯลฯ ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่’
แม้เสนาบดีของเจ้าลิจฉวีชื่ออชิตะ ซึ่งได้ถึงแก่อนิจกรรมไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ไปเกิด
ในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ ก็ได้เข้ามาบอกเราอย่างนี้ว่า ‘นักบวชเปลือยปาฏิกบุตรเป็น
คนไม่ละอาย เป็นคนพูดเท็จ ทั้งได้พยากรณ์ข้าพระองค์ที่วัชชีคามว่า ‘เสนาบดีของ
เจ้าลิจฉวีชื่ออชิตะไปเกิดในมหานรก’ ข้าพระองค์มิได้ไปเกิดในมหานรก แต่ไปเกิด
ในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นักบวชเปลือยปาฏิกบุตรเป็นคน
ไม่ละอาย เป็นคนพูดเท็จ ถ้านักบวชเปลือยปาฏิกบุตรยังไม่ละวาจา ไม่ละความคิด
ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็ไม่อาจที่จะมาเผชิญหน้ากับพระผู้มีพระภาคได้ แม้เขาจะคิด
อย่างนี้ว่า ‘ถึงเรายังไม่ละวาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็อาจไปเผชิญ
หน้ากับพระสมณโคดมได้’ ดังนี้ ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่’
แม้เพราะเหตุนี้แล เรากำหนดรู้ใจของนักบวชเปลือยปาฏิกบุตรด้วยใจของเรา
ว่า ‘ถ้านักบวชเปลือยปาฏิกบุตรยังไม่ละวาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น
ก็ไม่อาจที่จะมาเผชิญหน้ากับเราได้’ แม้เขาจะคิดอย่างนี้ว่า ‘ถึงเรายังไม่ละวาจา
ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็อาจไปเผชิญหน้ากับพระสมณโคดมได้’ ดังนี้
ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่ และเหล่าเทวดาก็ได้บอกความข้อนี้แก่เราว่า ‘ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ถ้านักบวชเปลือยปาฏิกบุตรยังไม่ละวาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัด
ความเห็นนั้น ก็ไม่อาจที่จะมาเผชิญหน้ากับพระผู้มีพระภาคได้ แม้เขาจะคิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :15 }


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [1. ปาฎิกสูตร] เรื่องอิทธิปาฎิหาริย์

อย่างนี้ว่า ‘ถึงเรายังไม่ละวาจา ไม่ละความคิด ไม่สลัดความเห็นนั้น ก็อาจไป
เผชิญหน้ากับพระสมณโคดมได้’ ดังนี้ ศีรษะของเขาจะพึงแตกแน่’
สุนักขัตตะ ก็เรานั้นแล จะเข้าไปยังกรุงเวสาลีเพื่อบิณฑบาต กลับจาก
บิณฑบาต ภายหลังฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว จะเข้าไปยังอารามของนักบวชเปลือย
ปาฏิกบุตร เพื่อพักกลางวัน ถ้าเธออยากจะบอกก็จงไปบอกเขาเดี๋ยวนี้’

เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์

[20] ภัคควะ ครั้นในเวลาเช้า เราครองอันตรวาสกถือบาตรและจีวร เข้าไป
ยังกรุงเวสาลีเพื่อบิณฑบาต กลับจากบิณฑบาต ภายหลังฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว
เข้าไปยังอารามของนักบวชเปลือยปาฏิกบุตร เพื่อพักกลางวัน ครั้งนั้น สุนักขัตตะ
ลิจฉวีบุตร รีบเข้าไปยังกรุงเวสาลีแล้วเข้าเฝ้าพวกเจ้าลิจฉวีที่มีชื่อเสียงทูลว่า ‘ท่าน
ทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเสด็จเข้าไปยังกรุงเวสาลีเพื่อบิณฑบาต กลับ
จากบิณฑบาต ภายหลังฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว เสด็จเข้าไปยังอารามของนักบวช
เปลือยปาฏิกบุตร เพื่อทรงพักกลางวัน ขอพวกท่านจงรีบออกไป จักมีการแสดง
อิทธิปาฏิหาริย์อันเหนือธรรมดาของมนุษย์ ของพวกสมณะชั้นดี’ ครั้งนั้น พวกเจ้าลิจฉวี
ที่มีชื่อเสียงได้พูดกันว่า ‘ท่านผู้เจริญ ทราบข่าวว่า จักมีการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์
อันเหนือธรรมดาของมนุษย์ ของพวกสมณะชั้นดี ฉะนั้น เชิญพวกเราไป(ดู)กันเถิด’
สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร เข้าไปหาพวกพราหมณมหาศาล1 คหบดีผู้มั่งคั่ง และ
สมณพราหมณ์ลัทธิต่าง ๆ ผู้มีชื่อเสียง แล้วบอกอย่างนี้ว่า ‘ท่านทั้งหลาย พระ
ผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเสด็จเข้าไปยังกรุงเวสาลีเพื่อบิณฑบาต กลับจากบิณฑบาต
ภายหลังฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว เสด็จเข้าไปยังอารามของนักบวชเปลือยปาฏิกบุตร
เพื่อทรงพักกลางวัน ขอพวกท่านจงรีบออกไป จักมีการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์อัน
เหนือธรรมดาของมนุษย์ ของพวกสมณะชั้นดี’ ครั้งนั้น พวกสมณพราหมณ์ลัทธิ

เชิงอรรถ :
1 มหาศาล ในที่นี้หมายถึงผู้มีทรัพย์มาก ขัตติยมหาศาล มีพระราชทระพย์ 100 - 1,000 โกฏิ พราหมณ-
มหาซาลมีทรัพย์ 80 โกฏิ คหบดีมหาศาลมีทรัพย์ 40 โกฏิ (ที.ม.อ. 210/193)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :16 }