เมนู

9. ปาปวคฺโค

1. จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ

อภิตฺถเรถ กลฺยาเณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิฯ

วิปสฺสิทสพลสฺส กาลสฺมิญฺหิ มหาเอกสาฏกพฺราหฺมโณ นาม อโหสิ, อยํ ปน เอตรหิ สาวตฺถิยํ จูเฬกสาฏโก นามฯ ตสฺส หิ เอโก นิวาสนสาฏโก อโหสิ, พฺราหฺมณิยาปิ เอโกฯ อุภินฺนมฺปิ เอกเมว ปารุปนํ, พหิ คมนกาเล พฺราหฺมโณ วา พฺราหฺมณี วา ตํ ปารุปติฯ อเถกทิวสํ วิหาเร ธมฺมสฺสวเน โฆสิเต พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘โภติ ธมฺมสฺสวนํ โฆสิตํ, กิํ ทิวา ธมฺมสฺสวนํ คมิสฺสสิ, อุทาหุ รตฺติํฯ ปารุปนสฺส หิ อภาเวน น สกฺกา อมฺเหหิ เอกโต คนฺตุ’’นฺติฯ พฺราหฺมณี, ‘‘สามิ, อหํ ทิวา คมิสฺสามี’’ติ สาฏกํ ปารุปิตฺวา อคมาสิฯ พฺราหฺมโณ ทิวสภาคํ เคเห วีตินาเมตฺวา รตฺติํ คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต นิสินฺโนว ธมฺมํ อสฺโสสิฯ อถสฺส สรีรํ ผรมานา ปญฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิฯ

โส สตฺถารํ ปูชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘สเจ อิมํ สาฏกํ ทสฺสามิ, เนว พฺราหฺมณิยา, น มยฺหํ ปารุปนํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิฯ อถสฺส มจฺเฉรจิตฺตานํ สหสฺสํ อุปฺปชฺชิ, ปุเนกํ สทฺธาจิตฺตํ อุปฺปชฺชิฯ ตํ อภิภวิตฺวา ปุน มจฺเฉรสหสฺสํ อุปฺปชฺชิฯ อิติสฺส พลวมจฺเฉรํ พนฺธิตฺวา คณฺหนฺตํ วิย สทฺธาจิตฺตํ ปฏิพาหติเยวฯ ตสฺส ‘‘ทสฺสามิ, น ทสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺตสฺเสว ปฐมยาโม อปคโต, มชฺฌิมยาโม สมฺปตฺโตฯ ตสฺมิมฺปิ ทาตุํ นาสกฺขิฯ ปจฺฉิมยาเม สมฺปตฺเต โส จินฺเตสิ – ‘‘มม สทฺธาจิตฺเตน มจฺเฉรจิตฺเตน จ สทฺธิํ ยุชฺฌนฺตสฺเสว ทฺเว ยามา วีติวตฺตา, อิทํ มม เอตฺตกํ มจฺเฉรจิตฺตํ วฑฺฒมานํ จตูหิ อปาเยหิ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น ทสฺสติ, ทสฺสามิ น’’นฺติฯ โส มจฺเฉรสหสฺสํ อภิภวิตฺวา สทฺธาจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา สาฏกํ อาทาย สตฺถุ ปาทมูเล ฐเปตฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺทมกาสิฯ

ราชา ปเสนทิ โกสโล ธมฺมํ สุณนฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘ปุจฺฉถ นํ, กิํ กิร เตน ชิต’’นฺติ อาหฯ โส ราชปุริเสหิ ปุจฺฉิโต ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ทุกฺกรํ กตํ พฺราหฺมเณน, สงฺคหมสฺส กริสฺสามี’’ติ เอกํ สาฏกยุคํ ทาเปสิฯ โส ตมฺปิ ตถาคตสฺเสว อทาสิฯ ปุน ราชา ทฺเว จตฺตาริ อฏฺฐ โสฬสาติ ทฺวิคุณํ กตฺวา ทาเปสิฯ โส ตานิปิ ตถาคตสฺเสว อทาสิฯ อถสฺส ราชา ทฺวตฺติํส ยุคานิ ทาเปสิฯ พฺราหฺมโณ ‘‘อตฺตโน อคฺคเหตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ วิสฺสชฺเชสิเยวา’’ติ วาทโมจนตฺถํ ตโต เอกํ ยุคํ อตฺตโน, เอกํ พฺราหฺมณิยาติ ทฺเว ยุคานิ คเหตฺวา ติํส ยุคานิ ตถาคตสฺเสว อทาสิฯ ราชา ปน ตสฺมิํ สตฺตกฺขตฺตุมฺปิ ททนฺเต ปุน ทาตุกาโมเยว อโหสิฯ ปุพฺเพ มหาเอกสาฏโก จตุสฏฺฐิยา สาฏกยุเคสุ ทฺเว อคฺคเหสิ, อยํ ปน ทฺวตฺติํสาย ลทฺธกาเล ทฺเว อคฺคเหสิฯ ราชา ปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘ทุกฺกรํ ภเณ พฺราหฺมเณน กตํ, อนฺเตปุเร มม ทฺเว กมฺพลานิ อาหราเปยฺยาถา’’ติฯ เต ตถา กริํสุฯ ราชา สตสหสฺสคฺฆนเก ทฺเว กมฺพเล ทาเปสิฯ พฺราหฺมโณ ‘‘น อิเม มม สรีเร อุปโยคํ อรหนฺติ, พุทฺธสาสนสฺเสว เอเต อนุจฺฉวิกา’’ติ เอกํ กมฺพลํ อนฺโตคนฺธกุฏิยํ สตฺถุ สยนสฺส อุปริ วิตานํ กตฺวา พนฺธิ, เอกํ อตฺตโน ฆเร นิพทฺธํ ภุญฺชนฺตสฺส ภิกฺขุโน ภตฺตกิจฺจฏฺฐาเน วิตานํ กตฺวา พนฺธิฯ

ราชา สายนฺหสมเย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ กมฺพลํ สญฺชานิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เกน ปูชา กตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกสาฏเกนา’’ติ วุตฺเต ‘‘พฺราหฺมโณ มม ปสาทฏฺฐาเนเยว ปสีทตี’’ติ วตฺวา ‘‘จตฺตาโร หตฺถี จตฺตาโร อสฺเส จตฺตาริ กหาปณสหสฺสานิ จตสฺโส อิตฺถิโย จตสฺโส ทาสิโย จตฺตาโร ปุริเส จตุโร คามวเร’’ติ เอวํ ยาว สพฺพสตา จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา สพฺพจตุกฺกํ นาม อสฺส ทาเปสิฯ

ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺฐาเปสุํ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ จูเฬกสาฏกสฺส กมฺมํ, ตํมุหุตฺตเมว สพฺพจตุกฺกํ ลภิ, อิทานิ กเตน กลฺยาณกมฺเมน อชฺชเมว วิปาโก ทินฺโน’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, สจายํ เอกสาฏโก ปฐมยาเม มยฺหํ ทาตุํ อสกฺขิสฺส, สพฺพโสฬสกํ อลภิสฺสฯ สเจ มชฺฌิมยาเม อสกฺขิสฺส, สพฺพฏฺฐกํ อลภิสฺส ฯ พลวปจฺฉิมยาเม ทินฺนตฺตา ปเนส สพฺพจตุกฺกํ ลภิฯ กลฺยาณกมฺมํ กโรนฺเตน หิ อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ อหาเปตฺวา ตงฺขณญฺเญว กาตพฺพํฯ ทนฺธํ กตํ กุสลญฺหิ สมฺปตฺติํ ททมานํ ทนฺธเมว ททาติ, ตสฺมา จิตฺตุปฺปาทสมนนฺตรเมว กลฺยาณกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

[116]

‘‘อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ, ปาปา จิตฺตํ นิวารเย;

ทนฺธญฺหิ กโรโต ปุญฺญํ, ปาปสฺมิํ รมตี มโน’’ติฯ

ตตฺถ อภิตฺถเรถาติ ตุริตตุริตํ สีฆสีฆํ กเรยฺยาติ อตฺโถฯ คิหินา วา หิ ‘‘สลากภตฺตทานาทีสุ กิญฺจิเทว กุสลํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ยถา อญฺเญ โอกาสํ น ลภนฺติ, เอวํ ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํฯ ปพฺพชิเตน วา อุปชฺฌายวตฺตาทีนิ กโรนฺเตน อญฺญสฺส โอกาสํ อทตฺวา ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํฯ ปาปา จิตฺตนฺติ กายทุจฺจริตาทิปาปกมฺมโต วา อกุสลจิตฺตุปฺปาทโต วา สพฺพถาเมน จิตฺตํ นิวารเยฯ

ทนฺธญฺหิ กโรโตติ โย ปน ‘‘ทสฺสามิ, น ทสฺสามิ สมฺปชฺชิสฺสติ นุ โข เม, โน’’ติ เอวํ จิกฺขลฺลมคฺเคน คจฺฉนฺโต วิย ทนฺธํ ปุญฺญํ กโรติ, ตสฺส เอกสาฏกสฺส วิย มจฺเฉรสหสฺสํ ปาปํ โอกาสํ ลภติฯ อถสฺส ปาปสฺมิํ รมตี มโน, กุสลกมฺมกรณกาเลเยว หิ จิตฺตํ กุสเล รมติ, ตโต มุจฺจิตฺวา ปาปนินฺนเมว โหตีติฯ

คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณิํสูติฯ

จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ ปฐมํฯ

2. เสยฺยสกตฺเถรวตฺถุ

ปาปญฺจ ปุริโสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เสยฺยสกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิฯ

โส หิ ลาฬุทายิตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก, อตฺตโน อนภิรติํ ตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ปฐมสงฺฆาทิเสสกมฺเม สมาทปิโต อุปฺปนฺนุปฺปนฺนาย อนภิรติยา ตํ กมฺมมกาสิ (ปารา. 234)ฯ สตฺถา ตสฺส กิริยํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอวํ กิร ตฺวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ภาริยํ กมฺมํ อกาสิ, อนนุจฺฉวิกํ โมฆปุริสา’’ติ นานปฺปการโต ครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปญฺญาเปตฺวา ‘‘เอวรูปญฺหิ กมฺมํ ทิฏฺฐธมฺเมปิ สมฺปราเยปิ ทุกฺขสํวตฺตนิกเมว โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

[117]

‘‘ปาปญฺเจ ปุริโส กยิรา, น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ;

น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ, ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติฯ

ตสฺสตฺโถ – สเจ ปุริโส สกิํ ปาปกมฺมํ กเรยฺย, ตงฺขเณเยว ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อิทํ อปฺปติรูปํ โอฬาริก’’นฺติ น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํฯ โยปิ ตมฺหิ ฉนฺโท วา รุจิ วา อุปฺปชฺเชยฺย, ตมฺปิ วิโนเทตฺวา น กยิราเถวฯ กิํ การณา? ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโยฯ ปาปสฺส หิ อุจฺจโย วุฑฺฒิ อิธโลเกปิ สมฺปราเยปิ ทุกฺขเมว อาวหตีติฯ

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณิํสูติฯ

เสยฺยสกตฺเถรวตฺถุ ทุติยํฯ