พระสุตตันตปิฏก ทีฆนิกาย มหาวรรค [1. มหาปทานสูตร] คู่พระอัครสาวก
ขอพระองค์โปรดลุกขึ้น เสด็จจาริกไปในโลก
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์โปรดแสดงธรรมเถิด
เพราะผู้รู้ทั่วถึงธรรมได้ยังมีอยู่1
[71] เมื่อท้าวมหาพรหมกราบทูลอย่างนี้ พระวิปัสสีพุทธเจ้าได้ตรัสกับ
ท้าวมหาพรหมนั้นด้วยพระคาถาว่า
สัตว์ทั้งหลายเหล่าใดจะฟัง
จงปล่อยศรัทธามาเถิด
เราได้เปิดประตูแห่งอมตะ2
แก่สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว
ท่านพรหม เพราะเราสำคัญว่าจะลำบาก
จึงมิได้แสดงธรรมที่ประณีตคล่องแคล่วในหมู่มนุษย์
ขณะนั้น ท้าวมหาพรหมได้ทราบว่า พระวิปัสสีพุทธเจ้าได้ทรงประทานโอกาส
เพื่อจะทรงแสดงธรรมแล้ว จึงถวายอภิวาทกระทำประทักษิณแล้วหายไป ณ ที่นั้นเอง
คู่พระอัครสาวก
[72] ภิกษุทั้งหลาย ต่อมา พระวิปัสสีพุทธเจ้าทรงพระดำริว่า เราจะพึง
แสดงธรรมแก่ใครก่อน ใครจักรู้ธรรมนี้ได้ฉับพลัน แล้วทรงพระดำริต่อไปว่า
พระราชโอรสพระนามว่าขัณฑะและบุตรปุโรหิตชื่อติสสะ อาศัยอยู่ในกรุงพันธุมดี
ราชธานี เป็นคนเฉลียวฉลาด หลักแหลม มีธุลีในดวงตาเบาบางมานาน ทางที่ดี
เราพึงแสดงธรรมแก่เธอทั้งสองก่อน เธอทั้งสองจักรู้ธรรมนี้ได้ฉับพลัน
[73] พระวิปัสสีพุทธเจ้า ทรงหายไปจากควงต้นโพธิ์มาปรากฏที่เขมมฤคทายวัน
ในกรุงพันธุมดีราชธานี เหมือนบุรุษมีกำลังเหยียดแขนออกหรือคู้แขนเข้า ฉะนั้น
ได้รับสั่งเรียกคนเฝ้าสวนมาตรัสว่า มานี่เถิด นายทายบาล เธอจงเข้าไปยังกรุง