พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค [9. มหาสติปัฏฐานสูตร] จิตตานุปัสสนา
ด้วยวิธีนี้ ภิกษุพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายภายใน1อยู่ พิจารณาเห็น
เวทนาในเวทนาทั้งหลายภายนอก2อยู่ หรือพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย
ทั้งภายในทั้งภายนอกอยู่ พิจารณาเห็นธรรมเป็นเหตุเกิดในเวทนาทั้งหลายอยู่
พิจารณาเห็นธรรมเป็นเหตุดับในเวทนาทั้งหลายอยู่ หรือพิจารณาเห็นทั้งธรรมเป็น
เหตุเกิดทั้งธรรมเป็นเหตุดับในเวทนาทั้งหลายอยู่
หรือว่า ภิกษุนั้นมีสติปรากฏอยู่เฉพาะหน้าว่า เวทนามีอยู่ ก็เพียงเพื่ออาศัย
เจริญญาณ เจริญสติเท่านั้น ไม่อาศัย (ตัณหาและทิฏฐิ) อยู่ และไม่ยึดมั่นถือมั่น
อะไร ๆ ในโลก
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่ อย่างนี้แล
เวทนานุปัสสนา จบ
จิตตานุปัสสนา
(การพิจารณาจิต)
[381] ภิกษุพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ อย่างไร
คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
จิตมีราคะ___ก็รู้ชัดว่า จิตมีราคะ
จิตปราศจากราคะ ___ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากราคะ
จิตมีโทสะ___ก็รู้ชัดว่า จิตมีโทสะ
จิตปราศจากโทสะ___ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากโทสะ
จิตมีโมหะ___ก็รู้ชัดว่า จิตมีโมหะ
จิตปราศจากโมหะ___ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากโมหะ
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค [9. มหาสติปัฏฐานสูตร] จิตตานุปัสสนา
จิตหดหู่___ก็รู้ชัดว่า จิตหดหู่
จิตฟุ้งซ่าน___ก็รู้ชัดว่า จิตฟุ้งซ่าน
จิตเป็นมหัคคตะ___ก็รู้ชัดว่า จิตเป็นมหัคคตะ
จิตไม่เป็นมหัคคตะ___ก็รู้ชัดว่า จิตไม่เป็นมหัคคตะ
จิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า___ก็รู้ชัดว่า จิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า
จิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า ___ก็รู้ชัดว่า จิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า
จิตเป็นสมาธิ___ก็รู้ชัดว่า จิตเป็นสมาธิ
จิตไม่เป็นสมาธิ___ก็รู้ชัดว่า จิตไม่เป็นสมาธิ
จิตหลุดพ้นแล้ว___ก็รู้ชัดว่า จิตหลุดพ้นแล้ว
จิตไม่หลุดพ้น___ก็รู้ชัดว่า จิตไม่หลุดพ้น
ด้วยวิธีนี้ ภิกษุพิจารณาเห็นจิตในจิตภายในอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิต
ภายนอกอยู่ หรือพิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในทั้งภายนอกอยู่ พิจารณาเห็นธรรม
เป็นเหตุเกิดในจิตอยู่ พิจารณาเห็นธรรมเป็นเหตุดับในจิตอยู่ หรือพิจารณาเห็น
ทั้งธรรมเป็นเหตุเกิดทั้งธรรมเป็นเหตุดับในจิตอยู่
หรือว่า ภิกษุนั้นมีสติปรากฏอยู่เฉพาะหน้าว่า จิตมีอยู่ ก็เพียงเพื่ออาศัย
เจริญญาณ เจริญสติเท่านั้น ไม่อาศัย (ตัณหาและทิฏฐิ) อยู่ และไม่ยึดมั่นถือมั่น
อะไร ๆ ในโลก
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ อย่างนี้แล
จิตตานุปัสสนา จบ