พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [13.เตวิชชสูตร] ทรงแสดงทางไปพรหมโลก
ให้ผู้อื่นได้ยินตลอดทั้ง 4 ทิศได้โดยไม่ยาก วาเสฏฐะ นี้แลเป็นทางไปเพื่อความเป็น
ผู้อยู่ร่วมกับพรหม
ยังมีอีก วาเสฏฐะ ภิกษุมีกรุณาจิต ฯลฯ มีมุทิตาจิต ฯลฯ มีอุเบกขาจิตแผ่ไป
ตลอดทิศที่ 1 ทิศที่ 2 ทิศที่ 3 ทิศที่ 4 ทิศเบื้องบน เบื้องล่าง ทิศเฉียง แผ่ไป
ตลอดโลกทั่วทุกหมู่เหล่าในที่ทุกสถาน ด้วยอุเบกขาจิตอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ ไม่
มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
วาเสฏฐะ กรรมที่ทำพอประมาณในอุเบกขาเจโตวิมุตติที่บุคคลอบรมแล้วอย่าง
นี้ จะไม่เหลืออยู่ในรูปาวจรและอรูปาวจร เปรียบเหมือนคนเป่าสังข์ผู้แข็งแรงพึงให้
ผู้อื่นได้ยินตลอดทั้ง 4 ทิศได้โดยไม่ยาก วาเสฏฐะ นี้แลเป็นทางไปเพื่อความเป็นผู้
อยู่ร่วมกับพรหม
[557] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า วาเสฏฐะ เธอเข้าใจเรื่องนั้นว่าอย่างไร
ภิกษุผู้มีปกติอยู่อย่างนี้จะมีเครื่องเกาะเกี่ยวหรือไม่มีเครื่องเกาะเกี่ยว
เขาทูลตอบว่า ไม่มีเครื่องเกาะเกี่ยว ท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า คิดจองเวรหรือไม่คิดจองเวร
เขาทูลตอบว่า ไม่คิดจองเวร ท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า คิดเบียดเบียนหรือไม่คิดเบียดเบียน
เขาทูลตอบว่า ไม่คิดเบียดเบียน ท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า มีจิตเศร้าหมองหรือมีจิตไม่เศร้าหมอง
เขาทูลตอบว่า มีจิตไม่เศร้าหมอง ท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า บังคับจิตให้อยู่ในอำนาจได้หรือบังคับจิตให้อยู่
ในอำนาจไม่ได้
เขาทูลตอบว่า บังคับจิตให้อยู่ในอำนาจได้ ท่านพระโคดม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [13.เตวิชชสูตร] ทรงแสดงทางไปพรหมโลก
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า วาเสฏฐะ ที่กล่าวมานี้สรุปได้ว่า ภิกษุไม่มีเครื่อง
เกาะเกี่ยว พรหมก็ไม่มีเครื่องเกาะเกี่ยว ดังนั้น จะเปรียบเทียบภิกษุผู้ไม่มีเครื่อง
เกาะเกี่ยวกับพรหมผู้ไม่มีเครื่องเกาะเกี่ยวได้ไหม
เขาทูลตอบว่า เปรียบเทียบกันได้ ท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ถูกละ วาเสฏฐะ การที่ภิกษุนั้นผู้ไม่มีเครื่องเกาะเกี่ยว
หลังจากตายแล้วจะถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพรหมผู้ไม่มีเป็นเครื่องเกาะเกี่ยว นั่น
เป็นฐานะที่เป็นไปได้
[558] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า วาเสฏฐะ ภิกษุไม่คิดจองเวร พรหมก็ไม่
คิดจองเวร ดังนั้น จะเปรียบเทียบภิกษุผู้ไม่คิดจองเวรกับพรหมผู้ไม่คิดจองเวรได้ไหม
เขาทูลตอบว่า เปรียบเทียบกันได้ ท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ภิกษุไม่คิดเบียดเบียน พรหมก็ไม่คิดเบียดเบียน
ดังนั้น จะเปรียบเทียบภิกษุผู้ไม่คิดเบียดเบียนกับพรหมผู้ไม่คิดเบียดเบียนได้ไหม
เขาทูลตอบว่า เปรียบเทียบกันได้ ท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ภิกษุมีจิตไม่เศร้าหมอง พรหมก็มีจิตไม่เศร้า
หมอง ดังนั้น จะเปรียบเทียบภิกษุผู้มีจิตไม่เศร้าหมองกับพรหมผู้มีจิตไม่เศร้าหมอง
ได้ไหม
เขาทูลตอบว่า เปรียบเทียบกันได้ ท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ภิกษุบังคับจิตให้อยู่ในอำนาจได้ พรหมก็บังคับ
จิตให้อยู่ในอำนาจได้ ดังนั้น จะเปรียบเทียบภิกษุผู้บังคับจิตให้อยู่ในอำนาจได้กับ
พรหมผู้บังคับจิตให้อยู่ในอำนาจได้ ได้ไหม
เขาทูลตอบว่า เปรียบเทียบกันได้ ท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ถูกละ วาเสฏฐะ การที่ภิกษุนั้นผู้บังคับจิตให้อยู่ใน
อำนาจได้ หลังจากตายแล้วจะถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพรหมผู้บังคับจิตให้อยู่ใน
อำนาจได้ นั่นเป็นฐานะที่เป็นไปได้