พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [12.โลหิจจสูตร] ว่าด้วยพราหมณ์ชื่อโลหิจจะ
[504] ทีนั้น โลหิจจพราหมณ์เรียกช่างกัลบกชื่อโรสิกะมาสั่งว่า มานี่แน่ะ
เพื่อนโรสิกะ ท่านจงไปเข้าเฝ้าพระสมณโคดม แล้วทูลถามพระสมณโคดมถึงสุขภาพ
ความมีโรคาพาธน้อย กระปรี้กระเปร่า มีพระพลานามัยสมบูรณ์ อยู่สำราญตาม
คำของเราว่า โลหิจจพราหมณ์ทูลถามท่านพระโคดมถึงสุขภาพ ความมีโรคาพาธ
น้อย กระปรี้กระเปร่า มีพระพลานามัยสมบูรณ์ อยู่สำราญ และท่านจงกราบทูลว่า
ขอท่านพระโคดมพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ โปรดทรงรับภัตตาหารของโลหิจจพราหมณ์
ในวันพรุ่งนี้เถิด
[505] โรสิกกัลบกรับคำแล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ กราบ
แล้วนั่ง ณ ที่สมควร กราบทูลว่า โลหิจจพราหมณ์ทูลถามพระผู้มีพระภาคถึง
สุขภาพ ความมีโรคาพาธน้อย กระปรี้กระเปร่า มีพระพลานามัยสมบูรณ์ อยู่สำราญ
และกราบทูลว่า ขอพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ โปรดทรงรับภัตตาหารของ
โลหิจจพราหมณ์ในวันพรุ่งนี้เถิด
พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์ด้วยอาการดุษณี
[506] ทีนั้น โรสิกกัลบกทราบอาการที่พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์แล้วจึง
ลุกจากที่นั่ง กราบพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้ว เข้าไปหาโลหิจจพราหมณ์
แล้วบอกว่า ข้าพเจ้าได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคตามคำของท่านว่า โลหิจจ-
พราหมณ์ทูลถามพระผู้มีพระภาค ... ในวันพรุ่งนี้เถิด และพระผู้มีพระภาคนั้นก็ทรง
รับนิมนต์แล้ว
[507] ครั้นล่วงราตรีนั้น โลหิจจพราหมณ์ได้จัดของขบฉันอย่างดีไว้ใน
นิเวศน์ของตน เรียบร้อยแล้ว เรียกโรสิกกัลบกมาสั่งว่า มานี่แน่ะ เพื่อนโรสิกะ ท่าน
จงไปเข้าเฝ้าพระสมณโคดมแล้วกราบทูลภัตกาลว่า ท่านพระโคดม ได้เวลาแล้ว
ภัตตาหารเสร็จแล้ว
โรสิกกัลบกรับคำของโลหิจจพราหมณ์แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
กราบแล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ได้เวลาแล้ว
ภัตตาหารเสร็จแล้ว
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [12.โลหิจจสูตร]
ความขวนขวายของโลหิจจพราหมณ์
[508] ตอนเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกถือบาตรและจีวรเสด็จ
เข้าไปยังหมู่บ้านสาลวติกาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ โรสิกกัลบกตามเสด็จไปเบื้องพระ
ปฤษฎางค์ กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โลหิจจพราหมณ์มีความคิดเห็น
ชั่วร้ายเกิดขึ้นว่า สมณะหรือพราหมณ์ในโลกนี้จะพึงบรรลุกุศลธรรม เมื่อบรรลุแล้ว
ไม่ควรสอนคนอื่น เพราะไม่มีผู้รับคำสอนใดจะช่วยผู้สอนได้ เปรียบเหมือนบุคคลผู้
ตัดเครื่องจองจำเก่าออกแล้ว สร้างเครื่องจองจำใหม่ขึ้นมาแทน เราเรียกข้อเปรียบเทียบ
อย่างนี้ว่า เป็นความโลภอันชั่วร้าย เพราะไม่มีผู้รับคำสอนใดจะช่วยผู้สอนได้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานวโรกาสเถิด ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงปลด
เปลื้องโลหิจจพราหมณ์ออกจากความคิดเห็นอันชั่วร้ายนั้นด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า โรสิกะ นั่นเป็นหน้าที่ของเรา
ทีนั้นแล พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของโลหิจจพราหมณ์แล้ว
ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูไว้ โลหิจจพราหมณ์ประเคนของขบฉันอย่างดีแด่ภิกษุสงฆ์ที่
มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประธานด้วยตนเองจนอิ่มหนำ
ความขวนขวายของโลหิจจพราหมณ์
[509] เมื่อพระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จทรงวางพระหัตถ์ โลหิจจพราหมณ์
จึงนั่ง ณ ที่สมควรที่ใดที่หนึ่งซึ่งต่ำกว่า
พระผู้มีพระภาคตรัสถามโลหิจจพราหมณ์ว่า โลหิจจะ ทราบว่า ท่านมีความ
คิดเห็นชั่วร้ายเกิดขึ้นว่า สมณะหรือพราหมณ์ในโลกนี้จะพึงบรรลุกุศลธรรม เมื่อ
บรรลุแล้วไม่ควรสอนคนอื่น เพราะไม่มีผู้รับคำสอนใดจะช่วยผู้สอนได้ เปรียบ
เหมือนบุคคลผู้ตัดเครื่องจองจำเก่าออกแล้ว สร้างเครื่องจองจำใหม่ขึ้นมาแทน เรา
เรียกข้อเปรียบเทียบอย่างนี้ว่า เป็นความโลภอันชั่วร้าย เพราะไม่มีผู้รับคำสอนใด
จะช่วยผู้สอนได้ ดังนี้ เป็นความจริงหรือ
เขาทูลตอบว่า จริงอย่างนั้น ท่านพระโคดม
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า โลหิจจะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นว่าอย่างไร ท่าน
ปกครองหมู่บ้านสาลวติกามิใช่หรือ