พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [9.โปฏฐปาทสูตร] การได้อัตตภาพ 3 อย่าง
โปฏฐปาทะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นว่าอย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้ ภาษิตของสมณ-
พราหมณ์เหล่านั้นถือว่าเลื่อนลอย มิใช่หรือ
เขากราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า เมื่อเป็นเช่นนี้ ภาษิตของสมณพราหมณ์
เหล่านั้นถือว่าเลื่อนลอยแน่นอน
การได้อัตตภาพ1 3 อย่าง
[428] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า โปฏฐปาทะ การได้อัตตภาพมี 3 อย่าง คือ
การได้อัตตภาพที่หยาบ การได้อัตตภาพที่สำเร็จด้วยใจ และการได้อัตตภาพที่ไม่มีรูป
โปฏฐปาทะ การได้อัตตภาพที่หยาบเป็นอย่างไร คืออัตตภาพที่มีรูปประกอบด้วย
มหาภูตรูป 4 บริโภคอาหารเป็นคำ ๆ นี้จัดเป็นการได้อัตตภาพที่หยาบ การได้
อัตตภาพที่สำเร็จด้วยใจเป็นอย่างไร คืออัตตภาพที่มีรูปสำเร็จด้วยใจ มีอวัยวะครบ
ถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง นี้จัดเป็นการได้อัตตภาพที่สำเร็จด้วยใจ การได้อัตตภาพ
ที่ไม่มีรูปเป็นอย่างไร คืออัตตภาพที่ไม่มีรูป สำเร็จด้วยสัญญา นี้จัดเป็นการได้
อัตตภาพที่ไม่มีรูป
[429] โปฏฐปาทะ เราแสดงธรรมเพื่อละการได้อัตตภาพที่หยาบว่า พวก
ท่านปฏิบัติตามนั้นแล้วก็จะละสังกิเลสิกธรรม2 ได้ และโวทานิยธรรม3 จะเพิ่มพูนยิ่ง
ขึ้น จะทำให้แจ้งความบริบูรณ์ความไพบูลย์แห่งปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึง
อยู่ในปัจจุบัน บางคราวท่านมีความเห็นอย่างนี้ว่า เราพอจะละสังกิเลสิกธรรมได้
และโวทานิยธรรมจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น บุคคลจะทำให้แจ้งความบริบูรณ์ความไพบูลย์
แห่งปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน แต่ว่าจะมีความเป็นอยู่ลำบาก
ก็เรื่องนี้ท่านไม่พึงเห็นอย่างนั้น แท้จริง ท่านจะละสังกิเลสิกธรรมได้ และโวทานิย