พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [9.โปฏฐปาทสูตร] ว่าด้วยสัญญาและอัตตา
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า โปฏฐปาทะ เราบัญญัติอากิญจัญญายตนฌาน
อันเป็นที่สุดแห่งสัญญาไว้อย่างเดียวก็มี หลายอย่างก็มี
เขาทูลถามว่า พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติอากิญจัญญายตนฌานอันเป็น
ที่สุดแห่งสัญญาไว้อย่างเดียวก็มี หลายอย่างก็มี โดยวิธีใดบ้าง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า โปฏฐปาทะ เราบัญญัติอากิญจัญญายตนฌาน
อันเป็นที่สุดแห่งสัญญาไว้โดยวิธีที่พระโยคาวจรจะบรรลุนิโรธได้ ดังนั้นเราจึงบัญญัติ
อากิญจัญญายตนฌานอันเป็นที่สุดแห่งสัญญาอย่างเดียวก็มี หลายอย่างก็มี
[416] เขาทูลถามว่า สัญญาเกิดขึ้นก่อนญาณ หรือว่าญาณเกิดขึ้นก่อน
สัญญา1 หรือว่าทั้งสัญญาและญาณเกิดขึ้นพร้อมกัน พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า โปฏฐปาทะ สัญญาเกิดขึ้นก่อนญาณ เพราะมี
สัญญาเกิดขึ้นจึงมีญาณเกิดขึ้น ภิกษุย่อมรู้อย่างนี้ว่า เพราะสัญญาเป็นปัจจัย ญาณ
จึงเกิดขึ้นแก่เรา โปฏฐปาทะ ท่านพึงทราบโดยปริยายนี้ว่า สัญญาเกิดขึ้นก่อน
ญาณ เพราะมีสัญญาเกิดขึ้นจึงมีญาณเกิดขึ้น
ว่าด้วยสัญญากับอัตตา
[417] โปฏฐปาทปริพาชกทูลถามว่า สัญญาเป็นอัตตาของคนหรือว่า
สัญญากับอัตตาเป็นคนละอย่างกัน พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า โปฏฐปาทะ ท่านหมายถึงอัตตาเช่นไร
เขากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์หมายถึงอัตตาหยาบซึ่ง
มีรูปที่ประกอบด้วยมหาภูตรูป 4 บริโภคอาหารเป็นคำ ๆ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า โปฏฐปาทะ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นเป็นอัตตา
หยาบซึ่งมีรูปที่ประกอบด้วยมหาภูตรูป 4 บริโภคอาหารเป็นคำ ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้