พระวินัยปิฎก ปริวาร [อุปาลิปัญจกะ] 7. มุสาวาทวรรค
1. ไม่รู้อาบัติและอนาบัติ
2. ไม่รู้อาบัติเบาและอาบัติหนัก
3. ไม่รู้อาบัติมีส่วนเหลือและอาบัติไม่มีส่วนเหลือ
4. ไม่รู้อาบัติชั่วหยาบและอาบัติไม่ชั่วหยาบ
5. ไม่รู้อาบัติที่ทำคืนได้และทำคืนไม่ได้
อุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 5 นี้แล สงฆ์ไม่ควรให้คำซักถาม
องค์ของภิกษุผู้ควรให้คำซักถาม
อุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 5 สงฆ์ควรให้คำซักถาม องค์ 5 คือ
1. รู้อาบัติและอนาบัติ
2. รู้อาบัติเบาและอาบัติหนัก
3. รู้อาบัติมีส่วนเหลือและอาบัติไม่มีส่วนเหลือ
4. รู้อาบัติชั่วหยาบและอาบัติไม่ชั่วหยาบ
5. รู้อาบัติที่ทำคืนได้และทำคืนไม่ได้
อุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 5 นี้แล สงฆ์ควรให้คำซักถาม
ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการ 5 อย่าง
[447] ท่านพระอุบาลีทูลถามว่า ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการเท่าไรหนอแล
พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อุบาลี ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการ 5 อย่าง คือ
1. เพราะไม่ละอาย 2. เพราะไม่รู้
3. เพราะสงสัยแล้วขืนทำ 4. เพราะสำคัญในของที่ไม่ควร
ว่าควร
5. เพราะสำคัญในของที่ควรว่าไม่ควร
อุบาลี ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการ 5 นี้แล
พระวินัยปิฎก ปริวาร [อุปาลิปัญจกะ] 7. มุสาวาทวรรค
อุบาลี ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการแม้อื่นอีก 5 อย่าง คือ
1. ไม่ได้เห็น 2. ไม่ได้ฟัง
3. หลับ 4. เข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น
5. ลืมสติ
อุบาลี ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการ 5 นี้แล
เวร 51
[448] ท่านพระอุบาลีทูลถามว่า เวรมีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อุบาลี เวรนี้มี 5 อย่าง คือ
1. ฆ่าสัตว์มีชีวิต 2. ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้
3. ประพฤติผิดในกาม 4. พูดเท็จ
5. ดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นเหตุแห่งความประมาท
อุบาลี เวร 5 นี้แล
งดเว้นเวร 52
ท่านพระอุบาลีทูลถามว่า เจตนางดเว้นจากเวรมีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อุบาลี เจตนางดเว้นจากเวรนี้มี 5 คือ
1. เจตนางดเว้นจากฆ่าสัตว์มีชีวิต
2. เจตนางดเว้นจากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้
3. เจตนางดเว้นจากประพฤติผิดในกาม
4. เจตนางดเว้นจากพูดเท็จ
5. เจตนางดเว้นจากเหตุเป็นที่ตั้งความประมาท เพราะดื่มน้ำเมาคือสุรา
และเมรัย
อุบาลี เจตนางดเว้นจากเวร 5 นี้แล
เชิงอรรถ :
1 ดูเทียบ องฺ.ปญฺจก. (แปล) 22/174/290
2 ที.ปา. (แปล) 11/315/302-303